เลขาฯ สมาคมนักวิเคราะห์ห่วงวิกฤติโลก-การเมืองกดดันเงินตปท.ไหลออก

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 8, 2008 18:12 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

          นายสมบัติ นราวุฒิชัย เลขาธิการ สมาคมนักวิเคราะห์หลักทรัพย์ กล่าวในการสัมมนา"ทางออกการลงทุนในสถานการณ์ปัจจุบัน"ว่า ภาวะวิกฤติเศรษฐกิจของโลกถือเป็นตัวแปรสำคัญที่มีน้ำหนักถึง 80% ต่อตลาดหุ้นไทย และยังมีประเด็นการเมืองในประเทศที่ยังกดดัน ซึ่งอาจทำให้มีโอกาสที่จะเห็นภาพดัชนี  SET ร่วงลงไปอยู่ที่ 450 จุดได้
ทั้งนี้ ยอมรับว่ากังวลกับเหตุการณ์ทางการเมืองภาพที่เกิดขึ้น แต่อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาเรามีบทเรียนทั้งเหตุการณ์ 16 ต.ค., พฤษภาทมิฬ ฯลฯ ซึ่งเราก็ผ่านมาแล้วและแก้ไขไปได้ แต่ถ้ามองในแง่การลงทุนไม่ว่าจะเป็นผู้บริหารหรือนักลงทุนอยากให้มองภายใต้สมมุติฐานความระมัดระวังเศรษฐกิจไทยในปีหน้าที่การขยายตัวอาจชะลอลงเหลือต่ำกว่า 4% ด้วย
และประเมินว่าภายใต้การเมืองยังไม่จบ อาจทำให้เม็ดเงินต่างชาติที่ยังเหลืออยู่ในตลาดหุ้นราว 1.9 แสนล้านบาททยอยขายออกมาจนถึงปีหน้า แต่หากการเมืองคลี่คลาย ไม่ว่าจะเป็นการยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่หรือแนวทางอื่น ก็น่าจะช่วยบรรเทาและกลายเป็นแรงพยุงตลาดหุ้นได้ แม้จะต้องใช้เวลาบ้างก็ตาม แต่ก็จะทำให้แรงขายต่างชาติไม่ออกไปหมด
นายสมบัติ กล่าวต่อว่า หากมองในแง่ดีทางออกการลงทุนในสถานการณ์ปัจจุบัน ปัจจัยลบตอนนี้คลี่คลายลงเหลือเพียงประเด็นวิกฤติทางการเงินสหรัฐกับการเมืองในประเทศเท่านั้น จากก่อนหน้าที่มีปัญหาหลายด้านทั้งเงินเฟ้อและราคาน้ำมัน ซึ่งภายใต้สถานการณ์ดังกล่าวทางสมาคมฯ จะส่งคำถามไปยังนักวิเคราะห์เพื่อประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้น รวมถึงสอบถามมุมมองต่อภาพเศรษฐกิจในปีนี้และปีหน้า และตัวเลขดัชนีตลาดหุ้นไทยด้วย
ด้านนางวรวรรณ ธาราภูมิ กรรมการผู้จัดการ บลจ.บัวหลวง กล่าวว่า จากปัญหาดังกล่าวที่เกิดขึ้นอาจจะเห็นการเทขายสุทธิต่อเนื่องของนักลงทุน โดยที่ผ่านมาจะเห็นว่าได้มีการทยอยขายจากที่เคยซื้อสะสมมาตั้งแต่ปี 49 เหลือเพียง 5 หมื่นล้านบาทและคาดว่าจะเห็นการขายอีกของการซื้อสะสมในปี 48 ประมาณ 1.2-1.3 แสนล้านบาท ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นไทยต่ำกว่า 400 จุดได้
แต่อย่างไรก็ตาม ขึ้นอยู่กับเม็ดเงินที่จะกลับมาจากกองทุน FIF ในพันธบัตรเกาหลีที่จะครบอายุไถ่ถอนในช่วงกลางปี 52 จำนวน 3 แสนล้านบาทว่าจะเข้ามาลงทุนในตลาดหุ้นหรือไม่
สำหรับการการลงทุนในช่วงนี้โดยเฉพาะนักลงทุนที่ยังมีความกังวลอยู่อย่ารีบร้อนซื้อหุ้นเข้าพอร์ต เพราะอาจจะมีการเทขายออกมาอีกบ้าง ส่วนปัญหาการเมือง ส่วนตัวไม่อยากให้เกิดความรุนแรง เพราะทุกครั้งที่เกิดก็จะมีความสูญเสีย และไม่เห็นด้วยกับการที่รัฐบาลแก้ปัญหาด้วยความรุนแรง ซึ่งจะกระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุนอย่างแน่นอน อยากให้จบได้โดยเร็ว เพื่อให้ประเทศสามารถเดินหน้าต่อไปได้

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ