ในการประชุมระหว่างสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) กับสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ประจำไตรมาส เมื่อวันที่ 16 ตุลาคม 2551 ได้มีการหารือถึงความสามารถของระบบควบคุมการซื้อขายหลักทรัพย์และฐานะของบริษัทหลักทรัพย์ที่จะรองรับความผันผวนของตลาดทุนอันเป็นผลจากภาวะวิกฤตการเงินทั่วโลก พร้อมทั้งหารือเกี่ยวกับการกำหนดมาตรการเพิ่มเติมในการคุ้มครองทรัพย์สินของลูกค้าบริษัทหลักทรัพย์
"สมาคมบริษัทหลักทรัพย์ได้รายงานให้ทราบว่า ปัจจุบันบริษัทหลักทรัพย์ทุกแห่งมีฐานะที่แข็งแกร่ง มีเงินกองทุนที่เพียงพอในการดำเนินธุรกิจ สัดส่วนหนี้สินต่อทุนถือว่าต่ำมาก รวมทั้งการปล่อยสินเชื่อเพื่อซื้อหลักทรัพย์ก็มีสัดส่วนน้อยมากและมีการควบคุมดูแลอย่างใกล้ชิด บริษัทหลักทรัพย์ให้ความสำคัญอย่างมากในการบริหารความเสี่ยงรวมทั้งดูแลการซื้อขายหลักทรัพย์ของลูกค้าอย่างระมัดระวังเพื่อป้องกันมิให้เกิดผลกระทบต่อลูกค้า ต่อบริษัทหลักทรัพย์ และต่อระบบการซื้อขายโดยรวม ทำให้บริษัทหลักทรัพย์สามารถดำเนินธุรกิจด้วยความมั่นใจต่อไปได้อย่างต่อเนื่อง ซึ่งสำนักงาน ก.ล.ต. ได้แจ้งให้สมาคมทราบว่า สำนักงาน ก.ล.ต. ได้มีการติดตามสถานการณ์และภาวะตลาดทั้งในและต่างประเทศเพื่อนำมาประมวลภาพรวมกับข้อมูลที่ได้จากการติดตามฐานะและสภาพการซื้อขายหลักทรัพย์ของทั้งบริษัทหลักทรัพย์และบริษัทหลักทรัพย์จัดการลงทุน โดยสรุปได้ว่าขณะนี้ยังไม่มีประเด็นที่ต้องเป็นห่วงแต่อย่างใด"นายธีระชัย ภูวนาถนรานุบาล เลขาธิการ ก.ล.ต. กล่าว
พร้อมกันนี้ สำนักงาน ก.ล.ต. และสมาคมยังได้เห็นพ้องกันว่า ในภาวะตลาดที่ผันผวนเช่นนี้บริษัทหลักทรัพย์จะต้องให้ข้อมูลข่าวสารแก่ลูกค้าเพื่อให้เข้าใจถึงสถานการณ์ รวมทั้งควรให้คำแนะนำในการซื้อขายหลักทรัพย์แก่ลูกค้าด้วยความระมัดระวังเพื่อให้ลูกค้าตัดสินใจได้อย่างเหมาะสม
นอกจากนี้ สมาคมได้แจ้งว่าสมาคมได้จัดทำข้อความเตือนเรื่องหลักทรัพย์ที่มีอัตราการซื้อขายหมุนเวียนสูง (Turnover list) โดยในคำเตือนดังกล่าวจะระบุถึงรายชื่อและลักษณะของหลักทรัพย์ที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกำหนดให้เป็น “หลักทรัพย์ที่มีการซื้อขายผิดไปจากสภาพปกติของตลาด" และได้ซักซ้อมให้บริษัทหลักทรัพย์ทุกแห่งนำไปเผยแพร่แก่ผู้ลงทุนตามช่องทางต่างๆ เพื่อให้ผู้ลงทุนศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจลงทุนในหลักทรัพย์เหล่านี้
สำหรับเรื่องการดูแลรักษาทรัพย์สินของลูกค้า สำนักงาน ก.ล.ต. เห็นว่า บริษัทหลักทรัพย์ควรจะกำหนดมาตรการดูแลทรัพย์สินของลูกค้าที่ไม่มีความเคลื่อนไหวให้รัดกุมยิ่งขึ้น เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่ามีผู้หาประโยชน์โดยการทุจริตทรัพย์สินของลูกค้าที่ไม่มีธุรกรรมซื้อขายหลักทรัพย์เป็นเวลานาน เช่น ปลอมแปลงลายมือชื่อลูกค้า เพื่อขอเปลี่ยนแปลงที่อยู่และข้อมูลลูกค้า ก่อนที่จะขายหรือโอนหลักทรัพย์ของลูกค้าไปยังบัญชีของบุคคลอื่น ซึ่งทำให้ลูกค้าได้รับความเสียหาย สำนักงาน ก.ล.ต. จึงมอบหมายให้สมาคมไปกำหนดแนวปฏิบัติที่จะทำให้บริษัทหลักทรัพย์มีระบบการควบคุมภายในที่ดีเพื่อป้องกันความเสี่ยงในเรื่องดังกล่าว
ในการประชุมยังได้มีการหารือถึงกำหนดเวลาการเปิดเสรีค่าธรรมเนียมการซื้อขายหลักทรัพย์และการเปิดเสรีใบอนุญาตหลักทรัพย์ โดยสมาคมเสนอให้พิจารณาเลื่อนออกไปก่อน นายธีระชัย ได้ให้ความเห็นว่า เรื่องการเปิดเสรีค่าธรรมเนียมและการเปิดเสรีใบอนุญาตฯ ยังมีเวลาอีกพอสมควร อนาคตสถานการณ์น่าจะดีขึ้น ในระยะนี้ควรเร่งหารือถึงแนวทางในการเตรียมความพร้อมของบริษัทหลักทรัพย์ ไม่ว่าจะเป็นการลดต้นทุนในการประกอบธุรกิจ การพัฒนาสินค้าใหม่ ช่องทางการหารายได้รวมทั้งกฎเกณฑ์ที่เป็นอุปสรรคต่อการเตรียมความพร้อม ซึ่งสำนักงาน ก.ล.ต. พร้อมที่จะรับฟังและแก้ไขกฎเกณฑ์ในทุกเรื่อง
นายธีระชัย กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาบริษัทหลักทรัพย์ได้เริ่มกระบวนการปรับตัวกันแล้วหลายราย โดยบางรายขายธุรกิจประเภทที่ไม่ชำนาญออกไปเพื่อเน้นธุรกิจด้านที่ตนเองชำนาญ และบางรายได้ควบรวมกิจการเพื่อให้เกิด synergy ในการทำธุรกิจและขยายฐานลูกค้าได้มากขึ้น นอกจากนี้ ส่วนหนึ่งปรับตัวด้วยการลดต้นทุนโดยหันไปเน้นการเปิดสาขาออนไลน์ รวมทั้งหาช่องทางเพิ่มรายได้โดยการนำเสนอผลิตภัณฑ์และการให้บริการใหม่ๆ แก่ผู้ลงทุน เช่น การลงทุนในหลักทรัพย์ต่างประเทศ การยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ ตลอดจนบางรายได้ลงทุนในบริษัทหลักทรัพย์ต่างประเทศเพื่อใช้ความรู้ความชำนาญที่มีอยู่ในการขยายธุรกิจ
และในการประชุมร่วมกันวันนี้ สมาคมก็ได้แสดงถึงความตั้งใจที่จะพัฒนาให้เกิดธุรกิจใหม่ๆ ในตลาดทุน โดยได้นำเสนอผลการศึกษาและความคืบหน้าในการเตรียมความพร้อมสำหรับสินค้าใหม่ๆ เช่น TCR, Gold Futures, Stock Futures และ Derivative Warrants และสำนักงาน ก.ล.ต. ได้เสนอแนะให้สมาคมไปศึกษาถึงการออกสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่อ้างอิงกับวัตถุดิบในอุตสาหกรรมการผลิตหรือสินค้าโภคภัณฑ์อื่น เช่น เหล็กและเงิน เนื่องจากมีความต้องการของผู้ประกอบการที่จะบริหารความเสี่ยงด้านราคาของวัตถุดิบเหล่านี้ จึงน่าจะเป็นอีกช่องทางหนึ่งของการเพิ่มรายได้ให้แก่บริษัทหลักทรัพย์
"ผมเห็นว่า กระบวนการปรับตัวเช่นนี้ควรดำเนินการต่อไป และสำนักงาน ก.ล.ต. พร้อมจะอำนวยความสะดวกและขจัดอุปสรรคต่างๆ ให้อย่างเต็มที่" เลขาธิการ ก.ล.ต.กล่าว
ด้านนายกัมปนาท โลหเจริญวนิช นายกสมาคมบริษัทหลักทรัพย์ กล่าวว่า ในระยะนี้บริษัทหลักทรัพย์ทุกแห่งให้ความสำคัญกับการบริหารความเสี่ยงในการดำเนินธุรกิจของบริษัท โดยตรวจสอบระบบการให้กู้ยืมเงินเพื่อซื้อหลักทรัพย์ และการก่อหนี้ของลูกค้าอย่างเข้มงวด และได้มีการประสานงานให้ข้อมูลแก่สำนักงาน ก.ล.ต. อย่างต่อเนื่องและทันท่วงที เพื่อจะได้นำข้อมูลดังกล่าวไปใช้ประมวลภาพรวมของทั้งระบบได้อย่างถูกต้อง
นอกจากนี้ สมาคมจะไประดมความคิดเห็นของสมาชิกเกี่ยวกับกฎเกณฑ์ที่เป็นอุปสรรคในการเตรียมตัวสำหรับการเปิดเสรีใบอนุญาต รวมทั้งหาแนวทางที่จะลดต้นทุนในการทำธุรกิจเพื่อให้สามารถขยายธุรกิจได้ง่ายขึ้นและต้นทุนในการซื้อขายหลักทรัพย์ลดลง ซึ่งจะทำให้การลงทุนและการระดมทุนในตลาดทุนน่าสนใจยิ่งขึ้น