บทวิเคราะห์ บล.เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ เปิดเผยว่า ได้รับการชี้แจงผู้บริหารของ บมจ.ปตท.(PTT) ใน company visit ว่า บริษัทปฎิเสธข่าวการซื้อหุ้นคืน โดยระบุว่ายังไม่มีแผนจะซื้อหุ้นคืนในระยะเวลาอันใกล้ ส่วนการปรับราคา LPG, การปรับขึ้นค่าผ่านท่อ และการปรับขึ้นราคา NGV ยังไม่ได้ข้อสรุป และจะประกาศงบไตรมาส 3/51 ในวันที่ 14 พ.ย.2551
ขณะที่คาดว่าตลาดจะเริ่มปรับประมาณการของ PTT ในปีหน้าลง โดยผ่านการปรับสมมติฐานราคาน้ำมัน ความต้องการก๊าซที่คาดจะเติบโตในอัตราที่ต่ำลงและการปรับประมาณการบริษัทในเครือ
บล.เมอร์ชั่น พาร์ทเนอร์ คาดผลประกอบการของ PTT ในไตรมาส 3/51 จะลดลงหนัก โดยประเมินกำไรสุทธิไตรมาส 3/51 จะอยู่ที่ 18,488 ล้านบาท ลดลง 38% จากไตรมาสก่อน และ 24%จากงวดเดียวกันของปีก่อน โดยเหตุผลหลักจากส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในบริษัทร่วมและบริษัทย่อยที่คาดจะพลิกจากกำไรราว 1.3 หมื่นล้านบาทในไตรมาสก่อน เป็นขาดทุนประมาณ 4.5 พันลบ.ในไตรมาสนี้(เนื่องจากผลขาดทุนในกลุ่มโรงกลั่น)
จากผลการดำเนินงานของกลุ่มโรงกลั่นที่คาดจะตกต่ำมากในช่วงครึ่งปีหลัง คาดจะฉุดให้กำไรสุทธิทั้งปี 51 ของ PTT ปรับลดลงโดยประเมินกำไรสุทธิปี 51 ที่ 93,757 ล้านบาท ลดลง 4%จากปีก่อน
นอกจากนั้น จากแนวโน้มราคาน้ำมันที่คาดจะชะลอตัว ขณะที่กลุ่มปิโตรเคมีและโรงกลั่นจะเข้าสู่วัฎจักรขาลงอย่างเต็มที่ คาดจะส่งผลให้ผลประกอบการปี 52 ของ PTT จะยังมีแนวโน้มปรับตัวลดลงต่อเนื่อง โดยประเมินกำไรสุทธิปี 52 ที่ 88,683 ลบ.ลดลง 5%YoY
"เราใช้ Sensitivity ประเมินระดับความเป็นไปได้ของราคาหุ้น PTT บนสมมติฐานราคาน้ำมันในช่วง $40-$60/bbl และ PTT ซื้อขายที่ระดับต่ำสุดของ Historical P/E ที่ 5-6 เท่า จะได้ราคาอยู่ในช่วง 130-174 บาท" บทวิจัยระบุดังนั้น แม้เราจะชอบ PTT และมองว่าบริษัทมีศักยภาพในการเติบโตได้ในระยะยาว แต่จากแนวโน้มตลาดโดยรวมที่เราคาดจะยังอยู่ในขาลง และแนวโน้มผลประกอบการปีหน้าที่คาดจะชะลอตัว ดังนั้น เรามองว่าที่ระดับราคาปัจจุบันยังไม่ต้องรีบเข้าลงทุน โดยสำหรับนักลงทุนระยะยาว แนะนำให้ รอซื้อ ที่ระดับราคาในช่วง 130-174 บาท