โบรกฯ แนะถือ/เก็งกำไร THAI ราคารูดมาก-น้ำม้นราคาลง แต่ปีหน้ายังเสี่ยง

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday November 6, 2008 15:36 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์เสียงแตก จากที่เห็นผลประกอบการไตรมาส 3/51 ที่ประกาศออกมาแม้จะพลิกมีกำไรจากปีก่อนขาดทุน แต่ไม่ได้เป็นกำไรจากการดำเนินงาน และช่วง 9 เดือนก็ยังขาดทุนถึง 6.6 พันล้านบาท จึงคาดว่าทั้งปี 51 ผลประกอบการจะไม่ดีแน่นอน และปี 52 ยังมีโอกาสลดลงต่อเนื่องจากภาวะวิกฤตเศรษฐกิจโลกที่ทำให้ธุรกิจท่องเที่ยวตกลงไปด้วย ส่งผลให้ธุรกิจมีความเสี่ยง จึงแนะ"ถือ"

แต่อีกหลายโบรกเกอร์ก็เห็นว่าน่าเข้าไปซื้อเก็งกำไร เพราะราคาหุ้นลดลงเกินกว่าราคาพื้นฐานมาก และราคาน้ำมันช่วงนี้เริ่มนิ่ง ทำให้ต้นทุนการดำเนินงานลดลง และไตรมาส 4/51 มีแววฟื้นตัว

ราคา THAI ปิดเช้านี้ที่ 8.90 บาท +0.35 (+4.09%) ราคาเริ่มฟื้นหลังลงไปต่ำสุดที่ 7.05 บาท เมื่อ 27 ต.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์

          โบรกเกอร์           คำแนะนำ       ราคาเหมาะสม(บาท/หุ้น)

          บล.โกลเบล็ก           ถือ            11.60
          บล.กิมเอ็ง          ซื้อเมื่ออ่อนตัว       11.00
          บล.ซิกโก้           ซื้อเก็งกำไร        10.20
          บล.เอเซียพลัส       ซื้อเก็งกำไร         9.13
          บล.เคทีบี              ถือ             9.00
          บล.ดีบีเอสฯ          เต็มมูลค่า          7.00

THAI ประกาศผลการดำเนินงานงวดไตรมาส 3/51 มีกำไรสุทธิ 426 ล้านบาท พลิกฟื้นจากงวดเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 971 ล้านบาท เนื่องจากได้รับผลบวกจากเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นเมื่อเทียบกับสกุลเงินยูโร ทำให้ THAI มีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนราว 4,734 ล้านบาท จากการแปลงค่ายอดเงินกู้สกุลเงินยูโรเป็นเงินบาท ณ วันสิ้นงวด

ทั้งนี้ หากไม่รวมรายการดังกล่าวพบว่า THAI ยังคงขาดทุนจากการดำเนินงานปกติสูงถึง 4,308 ล้านบาท เพราะแม้ว่าจะมีการปรับขึ้นอัตราค่าธรรมเนียมน้ำมันเฉลี่ยราว 60% ตั้งแต่วันที่ 25 มิ.ย.51 แต่ปริมาณการขนส่งผู้โดยสาร(cabin factor)งวดในไตรมาส 3/51 กลับลดลง 13.5% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ตามความเชื่อมั่นชาวต่างชาติที่ลดลงจากปัญหาการเมืองภายในประเทศ ส่งผลให้รายได้จากการดำเนินงานเติบโตเพียง 9.5% ไม่สามารถชดเชยกับต้นทุนน้ำมันที่เพิ่มขึ้นถึง 68%

รวมแล้วงวด 9 เดือน THAI มีผลการดำเนินงานขาดทุนสุทธิ 6,612 ล้านบาท (3.89 บาท/หุ้น) และหากไม่รวมผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยน บริษัทฯจะมีผลขาดทุนปกติที่ 6,023 ล้านบาท ย่ำแย่กว่าปีก่อนที่มีกำไรปกติ 2,827 ล้านบาท

นายภูวดล ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเชียพลัส แนะให้ลงทุนหุ้น THAI ระยะสั้น หรือซื้อเก็งกำไร เนื่องจากราคาหุ้น THAI ได้ปรับลงมากเกินไป ขณะที่ราคาน้ำมันลดลงและเริ่มคงที่ อย่างไรก็ตาม THAI ยังมีผลประกอบการไม่ดี เพราะจำนวนนักท่องเที่ยวลดลงตามภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัว

"แนะให้ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว เก็งกำไรได้ ให้แนวรับที่ 8.90 และ แนวต้านที่ 9.50 บาท" นายภูวดล กล่าว

นางสุภากร สุจิรัตนวิมล ผู้ข่วยกรรมการผู้จัดการ บล.เคทีบี มองว่า หุ้น THAI ยังปัจจัยลบยังมีอยู่จากเรื่องภาวะเศรษฐกิจโลกที่จะส่งผลต่อรายได้ในปี 52 ที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบมากกว่าปีนี้ แต่ในแง่ต้นทุนอาจจะลดลง เพราะราคาน้ำมันปรับตัวลง อย่างไรก็ตาม มองว่าผลประกอบการในไตรมาส 4/51 อาจฟื้นตัวขึ้นมาบ้าง เพราะเป็นช่วงไฮซีซั่น และราคาน้ำมันลดลง

ด้านบล.ซิกโก้ เห็นว่า หุ้น THAI เล่นเก็งกำไรได้ เพราะมีปัจจัยบวกจากราคาน้ำมันที่มีการปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง โดยในไตรมาส 4/51 ก็จะได้รับผลดีจากราคาน้ำมันที่ปรับตัวลดลง แต่ยังมีความกังวลจาก Demand ที่หดตัวลง คาดว่า Demand ของนักท่องเที่ยวจะลดลงตามการชะลอตัวของเศรษฐกิจ แต่มองว่าต้นทุนน้ำมันที่ลดลงจะช่วยชดเชยรายได้บางส่วนที่หายไปได้

อย่างไรก็ตาม คาดรายได้รวมในปี 52 ที่ 1.9 แสนล้านบาท ลดลง 7.5% จากปี 51 และมีขาดทุนปกติอยู่ที่ 227 ล้านบาท เป็นผลจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก ซึ่งอาจส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวลดลง โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักท่องเที่ยวจากสหรัฐฯและยุโรป รวมถึงปัญหาความวุ่นวายทางการเมืองในประเทศที่ยังคงยืดเยื้อ มองว่าจะส่งผลกระทบต่อธุรกิจการท่องเที่ยวโดยตรง

ส่วนบล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย) ยังคงมุมมองเป็นลบทั้งในระยะสั้นและระยะยาวจากภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยจะส่งผลต่อการท่องเที่ยวของไทย อีกทั้งกลุ่มลูกค้าหลักของบริษัทฯเป็นนักท่องเที่ยวแถบยุโรปและเอเชียซึ่งคาดว่าปีหน้าจะมีกำลังซื้อลดลลง แนวโน้มในไตรมาส 4 ถึงแม้จะเป็นช่วงฤดูกาลท่องเที่ยวแต่ปีนี้อัตราการจองของนักท่องเที่ยวต่ำกว่าเดิม ดังนั้น มีโอกาสที่ผลการดำเนินงานของ THAI จะยังไม่ฟื้นตัวมากนักในงวดไตรมาส 4

และจากข่าวที่ผู้บริหารกำลังพิจารณาซื้อหุ้นคืนเพราะราคาหุ้นตกต่ำนั้น มองว่าบริษัทฯยังมีความต้องการใช้เงินเพื่อการลงทุนอีกมา ดังนั้นการนำเงินไปพยุงราคาหุ้นจะไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อบริษัทมากนัก แต่เมื่อประเมินราคาหุ้น THAI ด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสดระยะเวลาตั้งแต่ปี 2552 — 2556(5 ปี)ใช้อัตราคิดลดที่ 10.83% จะได้ราคาเหมาะสมที่ 11 บาท

"ราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นมาถึง 13% ในช่วง 3 วันทำการ หลังจากมีข่าวว่าผู้บริหารมีการพิจารณาจะซื้อหุ้นคืน ซึ่งเรามองว่าเป็นเพียงการเก็งกำไรบนข่าวเท่านั้น ซึ่งเราเชื่อว่าราคาหุ้นจะยังถูกกดดันจากจำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลงเพราะปัญหาการเมืองในประเทศ และปัญหาเศรษฐกิจโลกหดตัว เราจึงแนะนำเพียง ซื้อเมื่ออ่อนตัว สำหรับ THAI "บทวิเคราะห์ ระบุ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ