โบรกเกอร์แนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.บีอีซี เวิลด์ (BEC) หลังจากผลประกอบการไตรมาส 3/51 ออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ กำไรโต 22% จากงวดเดียวกันของปีก่อน แต่ไตรมาส 4/51 อาจชะลอตัวลงตามเม็ดเงินโฆษณา แต่บางโบรกฯยังมองว่ารายได้จากโฆษณาจะดีขึ้น ทั้งปี 51 กำไรยังดี สวนทางคู่แข่ง แต่ปี 52 กำไรอาจกระทบบ้างจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว และอาจมีการปรับขึ้นค่าโฆษณาอีก 5% แต่สื่อโฆษณาทางทีวีจะได้รับผลกระทบน้อยกว่าสื่ออื่น
จุดเด่นของ BEC มีฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง จึงไม่น่ากังวล และเตรียมพร้อมรับมือคู่แข่งใหม่ที่เข้ามาในตลาดคือเคเบิลทีวีที่กม.อนุญาตให้มีโฆษณาได้ ประกอบกับราคาหุ้นอ่อนตัวตามภาวะตลาด จึงแนะนำเก็บหุ้นตอนราคาอ่อนตัว
ราคาหุ้น BEC ขณะนี้เคลื่อนไหวที่ระดับ 18.10 บาท ลดลง 0.40 บาท (-2.16%) เป็นไปตามภาวะตลาดโดยรวมที่ปรับตัวลงมา
โบรกเกอร์ คำแนะนำ ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น) บล.ธนชาต ซื้อ 29.00 บล.กิมเอ็ง ซื้อ 27.50 บล.เอเซียพลัส ซื้อ 26.15 บล.สินเอเซีย ทยอยสะสม 25.23 สถาบันวิจัยนครหลวงไทย ซื้อ 23.00 บล.เคทีบี ซื้อ 22.80น.ส.สุภากร สุจิรัตนวิมล ผู้ข่วยกรรมการผู้จัดการ บล.เคทีบี มองว่า แนวโน้มผลประกอบการของ BEC ในปีนี้ทรงตัว แม้ว่าภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว งบสื่อโฆษณาลดลง แต่งบโฆษณาทีวียังลดลงค่อนข้างน้อย จะเห็นได้ว่าช่วงไพร์มไทม์ ช่อง 3 ก็ยังโฆษณาเต็มอยู่ และที่ผ่านมาทางช่อง 7 ได้ปรับขึ้นราคาค่าโฆษณาทางอ้อม ด้วยการตัดส่วนลด ในขณะที่ ช่อง 3 กำลังพิจารณาจะปรับขึ้นค่าโฆษณาราว 5% ก็ต้องรอดูภาวะศรษฐกิจ
อย่างไรก็ตาม บริษัทยังมีกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งและธุรกิจของบริษัทน่าจะผ่านไปได้ในปีหน้าที่คาดว่าภาวะเศรษฐกิจจะไม่ดี โดยพิจารณาจากผลการดำเนินการในไตรมาส 3/51 ซึ่งเป็นช่วงไลว์ซีซั่น กำไรลดลงเพียง 2% จากไตรมาสก่อน เนื่องจากค่าโฆษณาเพิ่มขึ้น 15% จากปีก่อนในงวดเดียวกัน แม้จะลดลง 1% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน
"ปีหน้าต้องขึ้นอยู่ว่าเขาจะขึ้นค่าโฆษณาอีก 5% หรือเปล่า ซึ่งโอกาสก็ 50/50 โดยตัวที่หนุนคือช่อง 7 ที่ปรับขึ้นค่าโฆษณาไปแล้ว ส่วนตัวที่ลบคือเรื่องเศรษฐกิจโดยรวมที่จะกระทบต่องบโฆษณา...โดยปัจจัยพื้นฐานบริษัท ก็ยังแนะนำให้ซื้ออยู่" น.ส.สุภากร กล่าวนายภูวดล ลาภอุดมสุข ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายกลยุทธ์การลงทุน บล.เอเซียพลัส มองในเชิงเทคนิคหุ้น BEC ราคาอ่อนตัวลง แนวรับช่วงสั้นอยู่ที่ 18 บาท แต่หากราคาหลุดจาก 17 บาท ให้รอซื้อที่ระดับราคา 16.00-16.80 บาท
"ตลาดหุ้นไม่ค่อยดี และเม็ดเงินโฆษณาจะลดลง แต่ BEC เป็นบริษัทที่มีฐานะแข็งแกร่ง ก็รอให้ซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว"นายภูวดล กล่าวทั้งนี้ BEC ประกาศผลประกอบการไตรมาส 3/51 มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 22% จากปีก่อนในงวดเดียวกัน เป็น 735 ล้านบาท จากการที่อัตราการใช้เวลาโฆษณา(Utilisation)ทางช่อง 3 เพิ่มสูงขึ้นโดยเฉพาะช่วงละครหลังข่าว ซึ่งสร้างรายได้ประมาณ 50% ของรายได้โฆษณารวม
ขณะที่ค่าโฆษณาก็สูงกว่าปีที่ผ่านมาหลังจากที่มีการปรับขึ้นค่าโฆษณาในช่วงละครหลังข่าวมาตั้งแต่ต้นปี รวมทั้งปรับค่าโฆษณาช่วงนอกไพร์มไทม์หลายรายการ และละครช่วงเย็นในวันจันทร์ถึงศุกร์ตั้งแต่เดือนพฤษภาคม ส่งผลให้รายได้ค่าโฆษณาเติบโต 15% จากปีก่อน สวนทางกับอุตสาหกรรมโทรทัศน์ที่หดตัวลง 8.8% จากปีก่อน
ขณะที่ บล.กิมเอ็ง(ประเทศไทย)ปรับประมาณการกำไรปกติของ BEC ในปีนี้ขึ้นอีก 4% เป็น 2,736 ล้านบาท (1.37 บาท/หุ้น)เติบโต 23% จากปีที่ผ่านมา แม้ว่าผลประกอบการไตรมาส 4/51 มีแนวโน้มอ่อนลงจากไตรมาส 3/51 ตามภาวะเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมโฆษณาที่ชะลอตัว แต่เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/50 แล้วยังคาดว่ากำไรยังมีการเติบโต
สำหรับปี 52 ปรับลดคาดการณ์กำไรลงเล็กน้อย เพื่อสะท้อนเศรษฐกิจที่คาดว่าจะชะลอการเติบโต รวมทั้งการตัดงบโฆษณาของบางบริษัทข้ามชาติ เนื่องจากวิกฤติการเงินโลก จากสมมติฐานว่าไม่มีการปรับขึ้นค่าโฆษณา ประเมินกำไรปี 52 ที่ 2,833 ล้านบาท(1.42 บาท/หุ้น)เพิ่มขึ้น 4% โดยสื่อโฆษณาทางโทรทัศน์ยังคงเป็นสื่อที่ได้รับความนิยมสูงสุดด้วยสัดส่วนประมาณ 57% ของอุตสาหกรรมโฆษณา ขณะที่ช่อง 3 คาดว่าจะยังคงเป็นสถานีที่ได้รับการจัดสรรเม็ดเงินโฆษณาหลักๆ เนื่องจากเป็นหนึ่งในสถานีที่ได้รับความนิยมสูง
"จากการปรับลดประมาณการปีหน้าทำให้ราคาที่เหมาะสมของหุ้นซึ่งประเมินด้วยวิธีคิดลดกระแสเงินสดลดลงจาก 28.50 บาทเป็น 27.50 บาท เรายังแนะนำ ซื้อ เนื่องจาก BEC มีรายได้ที่ค่อนข้างมีเสถียรภาพ อัตรากำไรสูงถึง 30% เนื่องจากโครงสร้างต้นทุนที่ค่อนข้างคงที่ อัตราผลตอบแทนต่อส่วนของผู้ถือหุ้น (ROE) 38% และมีฐานะการเงินที่แข็งแกร่งด้วยการมีเงินสดสุทธิ โดยอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลอยู่ที่ประมาณ 6-7%" บทวิเคราะห์ระบุส่วนสถาบันวิจ้ยนครหลวงไทย(SCRI)มองว่า BEC เป็นบริษัทที่มีฐานะทางการเงินแข็งแกร่ง ไม่มีหนี้สินและมีเงินสดในมือมาก ขณะที่ธุรกิจสื่อโฆษณาโทรทัศน์ยังคงมีความต้องการอยู่ แม้ว่าจะการอนุญาตให้เคเบิลทีวีโฆษณาได้ แต่ BEC สามารถรับมือกับการแข่งขันและมีความพร้อมสำหรับการขยายธุรกิจในอนาคต หลังจากที่มีการประกาศใช้ พ.ร.บ.องค์กรจัดสรรคลื่นความถี่ควบคู่กับ พ.ร.บ.ประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ เพื่อรับมือกับการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้นจากการโฆษณาของเคเบิลทีวี
แม้ว่างบโฆษณาโทรทัศน์ของปี 51 จะปรับลดลงต่อเนื่องนับตั้งแต่ต้นปี โดยลดลง 4% จากปีก่อน ในงวด 10 เดือนที่ผ่านมา แต่สำหรับสถานีโทรทัศน์ช่อง 3 กลับมีรายได้โฆษณาที่เพิ่มขึ้นจากปีก่อนทุกไตรมาส สะท้อนให้เห็นว่าความต้องการซื้อเวลาโฆษณาในสื่อโทรทัศน์ยังคงมีอยู่แม้ว่าเศรษฐกิจจะชะลอตัวลง
SCRI คาดว่า อัตราการเติบโตของเม็ดเงินโฆษณาในไตรมาส 4/51 จะได้รับอานิสงค์ของฤดูกาลมาสนับสนุนให้รายได้โฆษณาจะเพิ่มขึ้นทั้ง qoq และ yoy