แหล่งข่าวจาก บมจ.แอดวานซ์ อินโฟ เซอร์วิส(ADVANC) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทยังอยู่ระหว่างการเจรจากกับค่าย Apple เพื่อขอสิทธิการนำเข้าเครื่องโทรศัพท์ iPhone ระบบ 3G เข้ามาจำหน่าย ซึ่งคาดว่าน่าจะสามารถนำเข้ามาในต้นปีหน้าหากการเจรจาสามารถตกลงกันได้ในเร็ว ๆ นี้
แม้ว่าทางทรูมูฟจะบรรลุข้อตกลงกับทาง Apple เป็นรายแรกที่จะนำเข้าโทรศัพท์ iPhone มาจำหน่ายในประเทศไทยในช่วงปลายปีนี้ แต่ ADVANC ก็เชื่อว่าทาง Apple คงจะไม่ได้ให้สิทธิกับผู้ประกอบการเพียงรายเดียว
อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าว กล่าวว่า หากทาง DTAC ซึ่งก็กำลังเจรจากับทาง Apple ได้ข้อสรุปผลการเจรจาก่อนทาง ADVANC บริษัทก็พร้อมจะถอนตัว เพราะมองว่าตลาดโทรศัพท์มือถือในประเทศไทยไม่ใหญ่พอสำหรับผู้จำหน่ายโทรศัพท์ iPhone ถึง 3 ราย
นอกจากนั้น การได้สิทธิจำหน่าย iPhone ยังต้องมีค่าลิขสิทธิ์ที่ต้องวางเงินมัดจำสูงถึง 2.6 พันล้านบาท และเงื่อนไขให้มียอดขายอย่างต่ำ 3 แสนเครื่องใน 3 ปี เป็นเรื่องยากที่จะสามารถทำได้ โดยเฉพาะในช่วงปี 52 ที่มีผู้คาดการณ์ว่าภาวะเศรษฐกิจจะชะลอตัวด้วย
“เราได้ตกลงกับ DTAC แล้วว่าหากใครได้สิทธิต่อจากทรูมูฟ อีกรายก็จะถอนตัว ไม่อย่างนั้นจะเกิดการแข่งขันกันอย่างรุนแรงมีการดั๊มราคาและคนที่จะเจ๊งก็คือโอเปอร์เรเตอร์ในไทย เพราะแค่ต้นทุนที่บริษัทแม่แอปเปิ้ลกำหนดก็ถือว่าแพงมาก ทำแล้วไม่ได้อะไร AIS เสนอราคาถูกกว่าที่กำหนดเสียอีก"แหล่งข่าว กล่าว
แหล่งข่าว คาดว่า ทรูมูฟจะสามารถนำเครื่องโทรศัพท์ iPhone ระบบ 3G เข้ามาได้ในเดือนธ.ค. โดยช่วงแรกคาดว่าทาง Apple จะให้นำเข้าเครื่อง 25,000-50,000 เครื่องก่อน ส่วนรายหลังหากจะได้คงเป็นช่วงต้นปีหน้า และคาดว่าทาง Apple จะให้สิทธิ์ให้กับโอเปอร์เรเตอร์ไทยเพียง 2 ราย อย่างมากไม่เกิน 3 ราย
อย่างไรก็ตาม ปัญหาเกี่ยวกับการนำเข้าเครื่องโทรศัพท์ iPhone มาขายในประเทศไทยยังต้องเผชิญกับเครื่องหิ้วที่ผู้ค้ารายย่อยนำเข้ามาขายเอง เนื่องจากเครื่องโทรศัพท์ iPhone ที่ขายในต่างประเทศ โดยเฉพาะในฮ่องกงมีราคาถูกและวางจำหน่ายมาก่อนหน้านี้แล้ว โดยประเมินว่าราคาที่ทรูมูฟจำหน่ายจะอยู่ที่ 25,000-27,000 บาท/เครื่อง ซึ่งจะต้องต่อสู้ราคาเครื่องที่ผู้ค้ารายย่อยวางขายในมาบุญครองและพันธ์ทิพย์ด้วย ทำให้การแข่งขันรุนแรง และคงไม่สามารถทุ่มตลาดหรือหากใช้วิธีการอุดหนุนเพราะจะยิ่งส่งผลเสียต่อบริษัท
ปัจจุบันลูกค้า ADVANC ใช้โทรศัพท์ iPhone ประมาณ 7 หมื่นเครื่อง ลูกค้า DTAC ใช้อยู่ประมาณ 5 หมื่นเครื่อง และลูกค้าของทรูมูฟประมาณ 1 หมื่นเครื่อง รวมกันกว่า 1 แสนเครื่องแล้ว การทำตลาดในเมืองไทยจึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะทำยอดขายให้ได้ถึงรายละ 1 แสนเครื่อง/ปี
นอกจากนั้น ขณะนี้แม้ว่าเทคโนโลยีไฮเอนด์จะได้รับความสนใจเพราะยังเป็นของใหม่ แต่ขณะนี้มีผู้ผลิตหลายรายที่เริ่มพัฒนาเทคโนโลยีที่มีความสามารถใกล้เคียงกันแล้ว ทั้งค่ายซัมซุง รวมทั้งกูเกิ้ลโฟนที่กำลังจะออกมาปลายปีนี้