นายประสงค์ วินัยแพทย์ รองเลขาธิการ ก.ล.ต. เปิดเผยว่า สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์ และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปิดเผยว่า ก.ล.ต.ได้มีการติดตามสถานะทางการเงินและการทำธุรกรรมของบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) อย่างใกล้ชิด โดยได้มีการสั่งให้ บล.รายงานการดำรงสินทรัพย์สภาพคล่องสุทธิ (NCR) ประกอบด้วย คูณภาพมาร์จิ้น ธุรกิจยืมและให้ยืมหลักทรัพย์ (SBL) ช็อตเซลล์ การลงทุนหรือพอร์ตลงทุนทุกวัน จากเดิมที่จะใส่ NCR ทุกเดือน เนื่องจากหลังจากวิกฤตทางการเงินที่เกิดขึ้น และจากผลกระทบที่เกิดขึ้นกับบริษัทหลักทรัพย์เพื่อธุรกิจ (TSFC) เพื่อเป็นการรองรับปัญหาที่จะเกิดขึ้น
แต่อย่างไรก็ตาม จากการตรวจสอบยังไม่พบว่า บล.ไหนได้รับผลกระทบและบางบริษัทยังมีฐานะทางการเงินที่แข็งแกร่งอีกทั้งธุรกรรมของ บล.ส่วนใหญ่ในตอนนี้ก็ไม่ได้เกิดขึ้นและตอนนี้สภาพตลาดก็ไม่เอื้ออำนวยที่ บล.จะเอาพอร์ตลงทุนของตัวเองมาลงทุน ทำให้ไม่ค่อยเกิดปัญหา
"หลังเกิดวิกฤตและกรณี TSFC ทำให้ ก.ล.ต.หันมามอนิเตอร์การดำเนินธุรกิจและการปล่อยสินเชื่อของ บล.อย่างใกล้ชิดมากขึ้น เท่าที่ดูเราก็ยังไม่พบว่าใครมีปัญหาจนน่าตกใจ แต่กลับพบว่าฐานะ บล.ในตอนนี้กลับแข็งแกร่งด้วยซ้ำ เพราะตลาดเป็นอย่างนี้คงไม่มีใครเอาพอร์ตลงทุนของตัวเองออกมาลงทุน ซึ่งแตกต่างจากกรณี TSFC ที่เป็นบริษัทเพื่อการลงทุนเพราะฉะนั้นจึงได้รับผลกระทบมากกว่า บล.อื่นๆ"นายประสงค์ กล่าวนอกจากนี้ ก.ล.ต.ยังมีเกณฑ์ NCR เอาไว้เพื่อป้องกันและดูแลสถานะของสินทรัพย์ของบล.นั้นๆ โดยตามเกณฑ์จะต้องมีสินทรัพย์และสภาพคล่องที่เพียงพอในการลงทุนหรือชำระหนี้ อีกทั้งเมื่อเข้าไปดูวงเงินการปล่อยมาร์จิ้นทั้งระบบของ บล.ก็ไม่น่ากังวล เพราะยังมีวงเงินปล่อยถึง 2 หมื่นล้านบาท