BSEC เล็งรับทีมมาร์เก็ตติ้ง KGI ซบอก ด้วยข้อเสนอวอลุ่มจากลูกค้า 600 คน

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday December 3, 2008 11:31 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายเดชา แปงคำ กรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจค้าหลักทรัพย์ บล.บีฟิท(BSEC) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทได้เจรจากับทีมมาร์เก็ตติ้งส่วนหนึ่งของบล.เคจีไอ(KGI)เข้ามาร่วมงานก่อนที่จะมีกระแสข่าวว่าเป็นทีมที่มีความเกี่ยวข้องกับหุ้นบมจ.เอส.อี.ซี.ออโต้เซลส์ แอนด์ เซอร์วิส (SECC) เนื่องจากทีมงานชุดนี้ได้เคยร่วมงานกันมาก่อนเมื่อครั้งอยู่ที่ บล.แอสเซส พลัส

ผู้บริหาร BSEC คาดว่า จะได้ข้อสรุปการเจรจารับทีมมาร์เก็ตติ้งชุดนี้ในสัปดาห์หน้า และน่าจะเริ่มงานที่ BSEC ได้ในต้นเดือนมกราคม 52 โดยมีข้อเสนอที่น่าสนใจคือลูกค้าที่อยู่ในมือประมาณ 600 ราย

"ทีมมาร์เก็ตติ้งชุดนี้มีข้อเสนอในเรื่องของวอลุ่มจากลูกค้าที่มีอยู่ในมือประมาณ 600 คน ซึ่งหากพวกเขาสามารถทำเป้าวอลุ่มเทรดได้ประมาณ 10%ของวอลุ่มเทรดทั้งหมดของบีฟิท ทางเราก็พอใจแล้ว มาร์เก็ตแชร์ของบริษัทฯขณะนี้อยู่ที่ 4% กว่า ๆ และมีเป้าหมายมาร์เก็ตแชร์ในปีหน้าที่ 5%"นายเดชา กล่าว

วานนี้ KGI ระบุว่าได้ปฏิเสธการจ่ายเงินค่าหุ้น SECC ให้กับลูกค้า โดยอ้างว่ามีกระแสข่าวว่าทางการตรวจสอบพบใบหุ้นปลอม แต่รายงานข่าวต่อมาระบุว่า KGI มีข้อสงสัยว่าลูกค้าทั้งฝั่งซื้อและขายหุ้น SECC อาจเป็นกลุ่มเดียวกัน และได้พิจารณาปลดทีมมาร์เก็ตติ้งที่เกี่ยวข้องยกทีม

กรรมการผู้จัดการ BSEC กล่าวถึงทีมมาร์เก็ตติ้งชุดนี้ว่า แม้ทีมมาร์เก็ตติ้งชุดนี้อาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับกรณี SECC แต่ก็เห็นว่าควรจะให้โอกาสพวกเขาเหมือนกัน ซึ่งหากองค์กรมีระบบการควบคุมความเสี่ยงที่ดี ก็จะไม่เกิดเหตุการณ์อย่างนี้ จะไปโทษมาร์เก็ตติ้งอย่างเดียวก็ไม่ถูก และเมื่อทีมมาร์เก็ตติ้งชุดนี้เข้ามาทำงานที่บริษัทฯ ก็มีระบบการควบคุมความเสี่ยงด้วยเหมือนกัน

"ที่จริงมาร์เก็ตติ้งก็มีส่วนผิดบ้างเหมือนกัน แต่เราก็ต้องให้โอกาสเขา เหมือนคนติดคุกแล้วเราไม่ให้โอกาส เขาก็ไม่มีทางไป ซึ่งเรื่องตรงนี้มันอยู่ที่การควบคุมภายในองค์กรด้วย"กรรมการผู้จัดการ BSEC กล่าว

แหล่งข่าวจากวงการโบรกเกอร์รายหนึ่ง เปิดเผยว่า KGI ประเมินความเสียหายจากกรณีของ SECC ที่ราว 30 ล้านบาท ซึ่งเมื่อหักกลบกับเงินค้ำประกันแล้ว น่าจะมีความเสียหายสุทธิกว่า 20 ล้านบาท

"กรณีของ SECC เห็นว่าหุ้นมีอยู่ในพอร์ตอยู่แล้ว ทั้งขาซื้อและขาขาย ดังนั้นจึงไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับเรื่องของใบหุ้นปลอม เพียงแต่เรื่องมันเกิดขึ้น เพราะลูกค้าไม่ยอมมาจ่ายเงิน"แหล่งข่าว กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ