ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (15 ม.ค.) ซึ่งเป็นการปิดร่วงลงติดต่อกันยาวนานถึง 7 วัน เนื่องจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเรื่องภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยและผลประกอบการของธนาคารพาณิชย์
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ร่วงลง 59.53 จุด หรือ 1.4% ปิดที่ 4,121.11 จุด
ริชาร์ด ฮันเตอร์ นักวิเคราะห์จากบริษัทหลักทรัพย์ฮาร์เกรฟ แลนด์ดาวน์ ในกรุงลอนดอน กล่าวว่า ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนถูกปกคลุมไปด้วยความกังวลเรื่องเศรษฐกิจโลกถดถอย และความกังวลในเรื่องนี้ทวีความรุนแรงมากขึ้นเมื่อกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขชาวอเมริกันที่ขอเข้ารับสวัสดิการระหว่างว่างงานในรอบสัปดาห์ซึ่งสิ้นสุด ณ วันที่ 10 ม.ค.อยู่ที่ระดับ 524,000 คน มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะอยู่ที่ 500,000 คน
หุ้นกลุ่มพลังงานร่วงลงตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก หลังจากกลุ่มโอเปคคาดการณ์ว่าความต้องการน้ำมันดิบทั่วโลกในปี 2552 จะลดลง 180,000 บาร์เรลต่อวัน โดยหุ้นรอยัล ดัทช์ เชลล์ ร่วงลง 2.4%
ส่วนหุ้นธนาคาร HSBC ดิ่งลง 7% แม้ธนาคารปฏิเสธการคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ของมอร์แกน สแตนลีย์ ที่ว่า HSBC อาจต้องระดมเงินทุนสูงถึง 3 หมื่นล้านดอลลาร์ และอาจต้องลดขนาดธุรกิจบางประเภท เนื่องจากผลประกอบการของธนาคารปรับตัวลดลง
หุ้นดีเอสจี อินเตอร์เนชันแนล ซึ่งเป็นบริษัทค้าปลีกเครื่องใช้ไฟฟ้ารายใหญ่ของอังกฤษ ร่วงลง 10% หุ้นเอสเอบีมิลเลอร์ ซึ่งเป็นบริษัทเครื่องดื่มรายใหญ่อันดับ 2 ของโลก ร่วงลง 1.5% หุ้นโฮม รีเทล กรุ๊ป ดิ่งลง 2.7%
ส่วนหุ้นไชร์ในกลุ่มเวชภัณฑ์ ดิ่งลง 3% หลังจากเมอร์ริล ลินช์ ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าวลงสู่ระดับ “underperform" จากระดับ “buy"