ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดลบเมื่อคืนนี้ (22 ม.ค.) ซึ่งเป็นการปิดลบติดต่อกันเป็นวันที่ 4 เนื่องจากนักลงทุนผิดหวังต่อผลประกอบการของบริษัทเอกชน รวมถึงบีที กรุ๊ป และวิลเลียม มอร์ริสัน
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปิดลบ 7.65 จุด หรือ 0.2% แตะที่ 4,052.23 จุด
โรเบิร์ต บัคแลนด์ หัวหน้านักวิเคราะห์ด้านหลักทรัพย์จากซิตี้กรุ๊ปกล่าวว่า "ภาวะเศรษฐกิจโลกถดถอยกำลังฉุดรั้งผลประกอบการของบริษัทเอกชนทรุดตัวลง โดยบรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนซบเซาลงหลังจากบีที กรุ๊ป ซึ่งเป็นผู้ประกอบการโทรศัพท์รายใหญ่ของอังกฤษเปิดเผยผลประกอบการที่ย่ำแย่"
ทั้งนี้ หุ้นบีทีร่วงลง 9.1% ส่วนหุ้นวิลเลียม มอร์ริสัน ดิ่งลง 4.4% หลังจากบริษัทรายงานผลประกอบการที่ต่ำเกินคาด
หุ้นโวดาโฟนร่วงลง 3.2% หลังจากคณะกรรมการกำกับดูแลด้านการแข่งขันของอังกฤษเปิดเผยว่า โวดาโฟน, ที-โมไบล์, ออเรนจ์, O2 และ H3G อาจต้องปรับลดค่าบริการที่ทางบริษัทเรียกเก็บจากโทรศัพท์ที่โทรเข้ามายังเครือข่ายของตนเอง
ส่วนหุ้นกลุ่มธนาคารปรับตัวผันผวน โดยหุ้นลอยด์ส แบงกิ้ง กรุ๊ป ดีดขึ้น 2.5% และหุ้น HSBC ปิดพุ่ง 8.9% แต่หุ้นบาร์เคลย์สดิ่งลงกว่า 10% และหุ้นรอยัล แบงก์ ออฟ สก็อตแลนด์ร่วงลง 2.4%
หุ้นอีซีเจท ซึ่งเป็นสายการบินต้นทุนต่ำรายใหญ่อันดับสองของยุโรป พุ่งขึ้น 12% เนื่องจากทางสายการบินมั่นใจว่าผลประกอบการช่วงครึ่งปีแรกจะสูงเกินคาด ขณะที่หุ้นไรอันแอร์ ซึ่งเป็นสายการบินต้นทุนต่ำรายใหญ่สุดของยุโรป ปิดบวก 3.6% หลังจากไรอันแอร์วางแผนเปิดเส้นทางบินใหม่เพิ่มอีก 8 เส้นทางในยุโรป