นายวิเชฐ ตันติวานิช รองผู้จัดการสายงานศูนย์ระดมทุน ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) เปิดเผยว่า ภายใต้ไตรมาส 4/52 จะมีบริษัทจดทะเบียนที่เป็นบริษัทข้ามชาติ 1 แห่งเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทย เป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่มีทุนจดทะเบียนมากกว่า 1 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ เป็นไปตามแผนงานของตลาดที่ต้องการดึงบริษัทที่ทำธุรกิจในประเทศแถบอินโดจีนเข้ามาจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย รวมถึงบริษัทย่อยของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นไทยที่จดทะเบียนในแถบอินโดจีน และบริษัทต่างชาติอื่นๆ แต่ปีนี้คาดว่าจะได้เห็นบริษัทเดียวที่มีความพร้อมเพียงพอ
"บริษัทต่างชาติที่จะเข้าจดทะเบียนถือว่ามี Size ขนาดใหญ่ ทุนจดทะเบียนมากกว่าหมื่นล้านบาท แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยธุรกิจได้ บอกได้ว่าเป็นเพียงบริษัทย่อยงของบริษัทจดทะเบียนในตลาดอยู่แล้ว" นายวิเชฐ กล่าวสำหรับแผนงานที่จะสนับสนุนการเพิ่มบริษัทเข้าจดทะเบียนใหม่ในตลาดหลักทรัพย์ปีนี้นั้น นายวิเชฐ กล่าวว่า ตลท.ยังคงตั้งเป้าหมายไว้ที่ 45 แห่ง มูลค่าหลักทรัพย์ตามราคาตลาดรวมประมาณ 2.3 แสนล้านบาท และเชื่อมั่นว่าจะได้ตามเป้าหมาย เนื่องจากรัฐบาลปัจจุบันมุ่งเน้นในการพัฒนาเศรษฐกิจ และที่ผ่านมาก็ได้ออกมาตรการกกระตุ้นเศรษฐกิจมาแล้ว และระยะต่อไปน่าจะมุ่งแน้นตลาดทุนเพิ่มมากขึ้น
นายวิเชฐ ยอมรับว่า ตั้งแต่ ก.ค.51 ยังไม่มีบริษัทจดทะเบียนนำหุ้นเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ ถือว่าเป็นวิกฤตของตลาดทุน เพราะแม้ว่าบริษัทหลายแห่งจะต้องการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ แต่ยังขาดความเชื่อมั่นและภาวะตลาดยังคงไม่จูงใจ ทั้ง ๆ ที่มีบริษัทที่ยื่นไฟลิ่งและได้รับการอนุมัติแล้ว 14 แห่ง และยังมีที่รออนุมัติอีก 11 แห่ง
"ถือว่าเป็นเรื่องไม่ปกติที่เกิดขึ้นกับภาวะตลาดหุ้นไทย โดยเมื่อวิกฤติปี 40 ไม่มีหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดเช่นเดียวกัน แต่ขณะนั้นก็ไม่มีบริษัทใดยื่นไฟลิ่งเลย เนื่องจากบริษัทไทยต่างเกิดวิกฤติ ดังนั้นทางตลาดจะต้องแก้ปัญหาในเรื่องนี้" นายวิเชฐ กล่าวด้านนายชนิตร ชาญชัยณรงค์ ผู้ช่วยผู้จัดการกลุ่มงานผู้ออกหลักทรัพย์และบริษัทจดทะเบียน ตลท. คาดว่า ในสัปดาห์นี้จะสามารถสรุปแนวทางขั้นตอนการอนุมัติบริษัทเข้าจดทะเบียนให้รวดเร็วขึ้น หลังจากที่ได้มีการหารือกับชมรมวาณิชธนกิจ (IB) ในช่วงที่ผ่านมา
โดยทางตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้มีการพิจารณาถึงวีธีการอนุมัติไฟลิ่งจากเดิมที่บจ.จะต้องยื่นไฟลิ่งให้ก.ล.ต.อนุมัติ แต่เกณฑ์ที่จะเปลี่ยนไปจะใช้ผู้ลงทุน นักวิเคราะห์ และ FA เป็นผู้การันตีว่าบริษัทดีหรือไม่ดีและมีดีมานด์หรือไม่ ซึ่งหากบริษัทดีจริงและมีดีมานด์เยอะก็ถือว่าเป็นการไฟลิ่งโดยอัตโนมัติ แต่ในส่วนของทุนจดทะเบียนเหมือนเดิมอยู่ที่ 20 ล้านบาท
ในช่วงที่ผ่านมา ตลาดฯ ได้มีการเก็บข้อมูลและทำงานกับชมรมวาณิชธนกิจมาโดยตลอดและต้องการจะช่วยเหลือบริษัทที่ต้องการระดมทุน เนื่องจากพบว่ามี FA หลายรายมีลูกค้าที่ต้องการระดมทุนหลายบริษัทแต่ไม่สามารถเข้าได้ เพราะติดขั้นตอนของการอนุมัติของสำนักงานก.ล.ต. ที่ใช้ระยะเวลานานในการตรวจสอบไฟลิ่ง รวมถึงภาวะตลาดที่ไม่เอื้ออำนวย
"เราได้มีการศึกษาและปรับเพิ่มเกณฑ์เข้าจดทะเบียนใน mai เวอร์ชั่น 2 โดยการลดขั้นตอนในการยื่นไฟลิ่งจากเดิมที่ทำอะไรบริษัทก็ต้องยื่นไฟลิ่งให้ก.ล.ต.อนุมัติ แต่ในโครงสร้างที่เปลี่ยนไปนี้เราจะใช้การดูจาก FA เป็นตัววัดไฟลิ่ง"นายชนิตร กล่าวทั้งนี้ ขั้นตอนสุดท้ายจะต้องนำผลจากการหารือเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ด้วย
นายชนิตร กล่าวว่า ตลาดหลักทรัพย์ได้สำรวจผลประกอบการในไตรมาส 4/51 พบว่าบริษัทขนาดใหญ่ยังมีผลประกอบการที่ดีและมีการจ่ายปันผลที่สูงไม่ต่ำกว่า 20-30 บริษัท ถึงแม้เศรษฐกิจจะชะลอตัว ซึ่งปรากฎการณ์นี้ไม่เคยเห็นมาก่อนที่บริษัทขนาดใหญ่แบบนี้จะให้ผลตอบแทนในอัตราที่สูงเมื่อเทียบกับบริษัทที่มีขนาดเล็กซึ่งจะให้ผลตอบแทนจากปันผลในอัตราที่สูงกว่า ซึ่งถือว่าเป็นโอกาสในการลงทุนของนักลงทุนจากที่ราคาหุ้นปรับตัวลดลงมา 30-50%