LPN ตั้งเป้ายอดขายปี 52 ที่ 1 หมื่นลบ.จาก 9 พันลบ.ในปี 51

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday January 28, 2009 13:52 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายโอภาส ศรีพยัคฆ์ กรรมการผู้จัดการ บมจ. แอล.พี.เอ็น. ดีเวลลอปเมนท์ (LPN) กล่าวว่า ในปี 52 นี้ LPN มีแผนพัฒนาโครงการใหม่ 6-8 โครงการ มูลค่ารวมมากกว่า 10,000 ล้านบาท จากโครงการในลักษณะโครงการขยาย (Expand Project) ในทำเลที่ LPN ประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี และมีฐานลูกค้า ที่มีความเชื่อมั่นต่อแบรนด์ “ลุมพินี" เช่น ประชาชื่น-พงษ์เพชร, บางแค, รามอินทรา-หลักสี่

นอกจากนี้ ยังมีแผนรับรู้รายได้จำนวน 8,000 ล้านบาท จาก 7 โครงการหลัก ซึ่งแล้วเสร็จในปีนี้ ได้แก่ ลุมพินี วิลล์ รามอินทรา-หลักสี่, ลุมพินี วิลล์ ประชาชื่น-พงษ์เพชร, ลุมพินี วิลล์ รามคำแหง 26, ลุมพินี สวีท ปิ่นเกล้า, ลุมพินี สวีทและลุมพินี เพลส พระราม 8 และลุมพินี คอนโดทาวน์ รัตนาธิเบศร์

ส่วนผลประกอบการในปี 51 ที่ผ่านมาบริษัทมียอดขายที่เติบโตขึ้นจากปีก่อนโดยมียอดขายทั้งสิ้น 9,000 ล้านบาท จาก 5 โครงการหลักที่เปิดตัวในปีที่ผ่านมา ซึ่งทุกโครงการได้รับการตอบรับจากกลุ่มเป้าหมายเป็นอย่างดี นอกจากนั้น คาดว่าบริษัทจะมีรายได้รวมเป็นเงิน 7,200 ล้านบาท จากการโอนกรรมสิทธิ์ใน 7 โครงการ ได้แก่ ลุมพินี เพลส นราธิวาส-เจ้าพระยา, ลุมพินี เพลส พหล-สะพานควาย, ลุมพินี เพลส ปิ่นเกล้า 2, ลุมพินี เพลส รัชดา-ท่าพระ, ลุมพินี วิลล์ รามคำแหง 44, ลุมพินี คอนโดทาวน์ บดินทร์เดชา-รามคำแหง และลุมพินี คอนโดทาวน์ รามอินทรา-หลักสี่

และจากการที่ LPN มีการจดทะเบียนอาคารชุดในปีที่ผ่านมาจำนวน 5 โครงการ รวมกว่า 8,000 ยูนิต ส่งผลให้ LPN มีส่วนแบ่งทางการตลาดเป็นอันดับหนึ่งในธุรกิจคอนโดมิเนียมโดยมีส่วนแบ่งการตลาดประมาณ 30%

“LPN มองว่าปี 2552 นี้ น่าจะเป็นโอกาสของบริษัทท่ามกลางสภาวะวิกฤติ อันเป็นผลจากปัจจัยภายนอกและภายในบริษัทประกอบกัน" นายโอภาส กล่าว

ด้านปัจจัยภายนอกนั้น แม้ว่าภาพรวมเศรษฐกิจจะยังอยู่ในภาวะน่าวิตก ซึ่งส่งผลให้ผู้บริโภคระมัดระวังในการใช้จ่ายมากขึ้น แต่ด้วยนโยบายของภาครัฐที่มุ่งกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยใช้ภาคอสังหาริมทรัพย์เป็นตัวขับเคลื่อน ด้วยมาตรการทั้งทางด้านการคลังและการเงิน เช่น การลดหย่อนภาษีเพิ่มแก่บุคคลธรรมดาในการซื้อบ้านหลังแรกในปีภาษี 52 ประกอบกับความต้องการที่อยู่อาศัยโดยเฉพาะคอนโดมิเนียมคุณภาพยังคงมีอยู่เป็นจำนวนมาก จึงน่าจะเป็นโอกาสดีในการเร่งการตัดสินใจซื้อที่อยู่อาศัยของลูกค้าต่อคอนโดของ LPN

สำหรับปัจจัยภายใน คือ จากประสบการณ์ที่ LPN เรียนรู้จากการผ่านวิกฤติเศรษฐกิจในปี 40 ทำให้ทราบสถานการณ์ล่วงหน้า และเตรียมรับมือกับวิกฤติครั้งนี้อย่างทันเหตุการณ์และมีประสิทธิภาพ ได้แก่ การบริหารสภาพคล่องทางการเงิน การระบายสินค้าคงคลัง การปรับแผนงานก่อสร้างให้เร็วขึ้นกว่ากำหนดเดิมในทุกโครงการ การเพิ่มประสิทธิภาพการบริหารจัดการ รวมทั้งการวางแผนรับมือกับเหตุการณ์ที่อาจส่งผลกระทบกับบริษัทไว้หลายระดับ และหากมีปัญหาสภาพคล่องอย่างรุนแรงในระบบสถาบันการเงิน บริษัทจะสามารถก่อสร้างโครงการต่อจนแล้วเสร็จโดยไม่ต้องอาศัยแหล่งเงินกู้จากสถาบันการเงิน

ประกอบกับฐานลูกค้าของ LPN ที่มีมากกว่า 50,000 ราย ซึ่งยังไม่รวมผู้ที่สนใจเข้าชมโครงการและยังไม่ตัดสินใจซื้ออีกกว่า 100,000 ราย รวมถึงความเชื่อมั่นของสถาบันการเงินที่พร้อมสนับสนุนการก่อสร้างโครงการใหม่ของบริษัท และการพัฒนาทุกโครงการภายใต้หลัก “Value Engineering" ควบคู่ไปกับการเพิ่มความเข้มข้นในการพัฒนาประสิทธิภาพของงานบริหารชุมชน ทำให้ LPN พร้อมที่จะเผชิญกับภาวะวิกฤติที่อาจรุนแรงครั้งนี้ และจะเติบโตจากปีที่ผ่านมาประมาณ 10-15% เป็นผลมาจากการยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง และการตั้งเป้าการเติบโตที่เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ