MK เผยปี 52 เปิด 3 โครงการใหม่,ชะลอทำคอนโดฯ เหตุลงทุนสูง-ภาวะไม่เอื้อ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday February 5, 2009 09:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชูเกียรติ ตั้งมติธรรม ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ บมจ. มั่นคงเคหะการ (MK ) เปิดเผยว่า บริษัทคงจะชะลอแผนในการพัฒนาโครงการคอนโดมีเนียมออกไปก่อนและอาจจะไม่เห็นในช่วง 2 ปีนี้(ปี2552-2553) จากแผนเดิมที่มีแนวคิดที่จะพัฒนา ถึงแม้ในช่วงที่ผ่านมาจะคนมาเสนอที่ดินให้กับบริษัท เนื่องจากมองว่าภาพรวมตลาดในปัจจุบันไม่ดี ผู้บริโภคชะลอการตัดสินใจซื้อจากเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ประกอบกับในการลงทุนในโครงการคอนโดมีเนียมจะใช้เงินลงทุนที่มาก และมีความเสี่ยงมากกว่าภายใต้ที่บริษัทไม่มีความชำนาญ

"การทำคอนโดมิเนียมเราไม่ได้ทิ้ง แต่ในช่วงนี้ไม่เหมาะเลยที่จะทำเราน่าจะทำสิ่งที่เราถนัดจะดีกว่าเพราะลดความเสี่ยงที่เกิดขึ้น และเกิดทำจริงๆเราก็กังวลว่าจะขายได้มากน้อยแค่ไหนภายใต้สภาพตลาดตอนนี้ แต่ก็พูดไม่ได้เหมือนกันหากเราพร้อมและเราเห็นจังหวะที่ดีก็อาจจะทำก็ได้แต่คงไม่ใช้ช่วง 2 ปีนี้แน่นอน" นายชูเกียรติกล่าวกับ"อินโฟเควสท์"

ทั้งนี้ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันทำให้บริษัทวางแผนการดำเนินธุรกิจด้วยความรอบคอบและระมัดระวังโดยเฉพาะการรักษากระแสเงินสดเพื่อรักษาสภาพคล่องถือว่ามีความจำเป็น เพราะปัจจุบันสภาพตลาดอสังหาริมทรัพย์เปลี่ยนแปลงเร็ว ผู้บริโภคเข้ามาดูโครงการลดลงการตัดสินใจซื้อก็ช้าลงไปด้วย

แต่อย่างไรก็ตามการลงทุนก็ยังจำเป็นอยู่โดยเฉพาะการลงทุนในการซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการในอนาคต แต่ในการเปิดโครงการใหม่คงจะไม่มากเมื่อเทียบกับช่วง 3 ปีก่อน โดยในปี 2552 คงจะเห็นโครงการใหม่จำนวน 3 โครงการทั้งบ้านเดี่ยวและทาวน์เฮาส์มูลค่าโครงการรวมไม่เกิน 2 พันล้านบาท ซึ่งเป็นการเปิดทดแทนโครงการเดิมที่ปิดการขายลง

สำหรับการซื้อที่ดินในการพัฒนาโครงการใหม่ 3 โครงการนั้น ขณะนี้บริษัทอยู่ระหว่างเจรจาซึ่งคาดว่าจะสรุปได้ในเร็วๆนี้ แต่เบื้องต้นคาดว่าจะใช้เงินประมาณ 500 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นเม็ดเงินที่มาจากการกู้และเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท แต่ในส่วนของยอดขายในปี 2552 บริษัทตั้งเป้าการเติบโต 8-10% หรือมียอดขาย 2.5 พันล้านบาทจากปี 2551 ที่มียอดขาย 2.3 พันล้านบาท เพราะมองว่าภาวะตลาดอสังหาฯ จะฟื้นตัวได้ในครึ่งปีหลัง อีกทั้งมาตราการภาครัฐในการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์น่าจะช่วยได้

"ในปีนี้บริษัทคงไม่ได้ให้ความสำคัญในการสร้างรายได้แต่ไม่ใช่ไม่เพิ่ม เรามองว่ายังเติบโตแต่ไม่ได้มากมายเท่านั้นเอง เพราะสิ่งที่สำคัญในตอนนี้คือการรักษาสภาพและฐานะให้ได้ภายใต้สิ่งที่เกิดขึ้นก็ถือว่าเก่งแล้ว แม้ปัจจุบันเรามียอดขายที่ยังไม่รับรู้ (Backlog) ที่ยกมาปีนี้จำนวน 1.10 พันล้านบาท ซึ่งคาดว่าจะรับรู้เป็นรายได้หมดในครึ่งปีแรกเป็นหน้าตัก " นายชูเกียรติกล่าว

นอกจากนี้บริษัทจะพยายามลดสัดส่วนบ้านสร้างก่อนขายให้ลดลงเหลือ 40% ในปี2552 จากปี 2551 ที่มีสัดส่วนอยู่ที่ 50% และลดลงเหลือ 30% ในลำดับต่อไปเพื่อลดความเสี่ยง ขณะที่บ้านสั่งสร้างจะมีสัดส่วนที่เพิ่มขึ้นเป็น 60% โดยปัจจุบันบริษัทมีสต็อคบ้านสร้างก่อนขายประมาณ 100 หลังใน 10 โครงการหรือประมาณ 300 กว่าล้านบาทแต่ไม่กังวลเพราะเชื่อว่าภายใน 1-2 เดือนข้างหน้าจะสามารถลดลงเหลือ 40% ได้จากการที่บริษัทมีโปรโมชั่นให้กับลูกค้า


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ