โบรกฯเชียร"ซื้อ" BGH แม้รับผลกระทบคนไข้ลดตามภาวะศก. คาดฟื้น H2/52

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday February 5, 2009 15:57 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ แนะ"ซื้อ" หุ้นบมจ.กรุงเทพดุสิตเวชการ (BGH) เพราะมองว่าในปี 52 รายได้และกำไรยังเติบโตได้ดี แม้ว่าจะต่ำกว่าปีก่อน แต่เป็นไปตามภาวะเศรษฐกิจของโลก และมองว่าธุรกิจโรงพยาบาลรับผกระทบไม่นาน โดยคาดว่าจะฟื้นตัวในไตรมาส 2/52 หรือ ครึ่งหลังปี 52 และจากที่บริษัทใช้กลยุทธ์ด้านราคา ช่วยดึงดูดลูกค้าเก่าและจูงใจลูกค้าใหม่ ขณะที่ไทยก็ยังเป็นแหล่งรักษาพยาบาลที่ราคาไม่แพงในสายตาคนต่างชาติ

ประกอบกับราคาหุ้น BGH ได้สะท้อนข่าวลบไปแล้ว ราคายังมี upside จึงน่าลงทุน หรือบางรายแนะทยอยสะสม โดยช่วงบ่ายราคาเคลื่อนไหว ที่ 17.00 บาท บวก 0.20 บาท (+1.19%) โดยราคาขึ้นไปสูงสุดในรอบ 1 สัปดาห์ที่ 17.50 บาท

          โบรกเกอร์          คำแนะนำ          ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)

          สถาบันนครหลวงไทย    ซื้อ               30.00
          บล.ฟิลลิป            ซื้อ               29.40
          บล.เอเชียพลัส        ซื้อ               28.00
          บล.เกียรตินาคิน       ซื้อเมื่ออ่อนตัว       25.00
          บล.เคจีไอ           ซื้อ               24.00
          บล.ยูไนเต็ด          ทยอยสะสม         23.25

นักวิเคราะห์จากสถาบันวิจัยนครหลวงไทย (SCRI) กล่าวว่า หุ้น BGH ยังน่าลงทุน แม้ว่ารายได้ในไตรมาส 4/51 จะลดลงมาโต 8% จากปกติที่เติบโตไตรมาสละ 10-15% แต่ยังคาดว่าปี 52 กำไรยังเติบโต ประมาณ 11% เป็น 1,888 ล้านบาท จากปี 51 กำไรอยู่ที่ 1,694 ล้านบาท ส่วนรายได้ เติบโต 8% เนื่องจาก BGH มีโรงพยาบาลเครือข่ายเกือบทั่วประเทศ ยกเว้นภาคเหนือ และปรับกลยุทธ์ลดค่ารักษาพยาบาลช่วยรักษาฐานลูกค้าเก่าและดึงดูดลูกค้าใหม่

"ปี 52 โรงพยาบาลไทยไม่ได้เลวร้าย เชื่อว่าในไตรมาส 2 นี้แนวโน้มผู้ป่วยทั้งในและต่างประเทศคาดจะกลับเข้ามาสู่ระดับปกติ จากความมั่นคงทางการเมืองที่เพิ่มขึ้นและการรักษาตัวจากอาการป่วยที่หลีกเลี่ยงไม่ได้" นักวิเคราะห์ กล่าว

ทั้งนี้มองว่า ธุรกิจการโรงพยาบาลของไทยได้รับผลกระทบจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกในวงจำกัดและจะกลับมาฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว เพราะค่ารักษาพยาบาลในไทยราคาถูกกว่าประเทศในแถบยุโรป และ สหรัฐฯ รวมทั้ง ไทยมีชื่อเสียงทีให้บริการด้านการแพทย์ได้ดีกว่าคู่แข่งอย่างอินเดีย โดยผู้ป่วยต่างชาติจะเข้ามาในรูปแบบ Medical Tuorism

ส่วนนักวิเคราะห์จากบล.ยูไนเต็ด แนะนำให้ทยอยเก็บหุ้น BGH เพราะเห็นว่าราคาหุ้นขณะนี้ต่ำกว่าปัจจัยพื้นฐานมาก แต่ก็ไม่ต้องรีบร้อน เพราะมองว่า กำไรในไตรมาส 4/51 ลดลง 23% จากไตรมาสที่แล้ว แต่ก็ยังเห็นว่า ปี 52 บริษัทยังมีอัตราเติบโตค่อนข้างดี

โดยคาดว่า ในปี 52 กำไรจะลดลง 5% จากปีก่อนมาอยู่ที่ 1,588 ล้านบาท ปี 52 เน้นกลยุทธ์คุมต้นทุนควบคู่กับการหนักโปรโมชั่น เพื่อกระตุ้นยอดผู้ใช้บริการ จากแนวโน้มปัญหาทางเศรษฐกิจโลกที่ยังมียืดเยื้อถึง ครึ่งหลังปี 52 จึงคาดสร้างแรงกดดันโดยตรงต่อจำนวนผู้ป่วยต่างชาติในปี 52 ดังนั้น จึงส่งผลผู้บริหารปรับกลยุทธ์เน้นตลาดในประเทศมากขึ้น โดยยังคงรุกการทำการตลาดด้านราคา เพื่อผลักดันยอดผู้ใช้บริการรวมและรายได้ปี 52 ให้โตตามเป้าที่ตั้งไว้ที่ 8-10%จากปีก่อน ควบคู่กับการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงานเป็นหลัก

"เรามองแง่ valuation ยังน่าเข้าลงทุน เรามองแบบยาวๆ ธุรกิจยังเติบโตต่อไปได้" นักวิเคราะห์ กล่าว

ฝ่ายวิจัยของบล.เกียรตินาคิน ระบุว่า จากการประชุมร่วมผู้บริหารของ BGH ทำให้เราคาดว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก อาจส่งผลต่อการตัดสินใจเดินทางมาใช้บริการของลูกค้าชาวต่างชาติรุนแรงกว่าที่คาด ประกอบกับการเร่งตัวขึ้นของค่าใช้จ่ายใน ไตรมาส 4/51 ทำให้ผลประกอบการปี 51 ของ BGH มีแนวโน้มแย่กว่ามุมมองเดิม 6%

อย่างไรก็ดีผลประกอบการปี 51 ที่มีแนวโน้มเติบโตกว่า 30% จากปีก่อน ประกอบกับ BGH สามารถบริหารกระแสเงินสดได้ดีต่อเนื่อง ทำให้เรายังคงประมาณการเงินปันผลปี 51 จะจ่ายหุ้นละ 0.55 บาท (yield 3%)

ส่วนปี 52 ผลกระทบของเศรษฐกิจที่ยังมีต่อเนื่องในครึ่งแรกปี 52 โดยเฉพาะกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามารับการรักษา (Fly in patient) ทำให้เรามองว่าความสามารถในการทำกำไรของ BGH จะถูกกดดันจากประโยชน์ของ Economy of scale ที่จะลดลงตามปริมาณการใช้บริการ และ การใช้กลยุทธ์ราคาเพื่อรักษาฐานผู้ใช้บริการ จึงปรับลดประมาณการปี 52 ลง 21% จากเดิม คาดจะมีรายได้ 21,730 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 3% จากปีก่อน(ต่ำกว่าเป้าหมายของผู้บริหาร BGH ที่ตั้งไว้ประมาณ 8 - 10%) มีกำไรปกติ 1,550 ล้านบาท กำไรต่อหุ้น 1.28 บาท ลดลง 7% จากปีก่อน และคาดว่าจะจ่ายเงินปันผลหุ้นละ 0.50 บาท (yield 3%)

แม้ผลของการปรับลดประมาณการปี 52 ทำให้มูลค่าเหมาะสมของ BGH ลดลงสู่ 25 บาท (เดิม 30.50 บาท) ตามวิธี DCF (WACC @ 11%) อีกทั้งระยะสั้นหุ้น BGH อาจถูกกดดันจากผลประกอบการครึ่งแรกปี 52 มีแนวโน้มลดลงจากปีก่อนจากผลกระทบของเศรษฐกิจต่อปริมาณการใช้บริการ

แต่เราคาดว่ายังมีโอกาสเห็นการฟื้นตัวในครึ่งหลังปี 52 เนื่องจากปัญหาทางเศรษฐกิจเริ่มผ่อนคลาย จะช่วยให้ปริมาณลูกค้าต่างชาติกลับมาใช้บริการเพิ่มขึ้น ,ผลบวกด้านฤดูกาลของการใช้บริการในครึ่งปีหลัง และ เริ่มเห็นผลบวกจากการควบคุมต้นทุน และค่าใช้จ่ายที่เข้มงวด จึงแนะนำ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว" (ความเห็นทางเทคนิคหุ้น BGH มีแนวรับ 16 บาท)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ