นางนงราม วงษ์วานิช รองผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) กล่าวว่า หลังจากการเสนอแผนเพิ่มทุน บล.เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์ (TSFC)ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.)ในวันที่ 12 ก.พ.นี้หากแผนสำเร็จและเจ้าหนี้เห็นชอบเพิ่มทุนตามสัดส่วน คงจะต้องมีการปรับโครงสร้างการบริหารเพื่อไม่ให้ประสบปัญหาเหมือนที่ผ่านมา และเป็นไปตามกฎเกณฑ์ของบริษัทที่ผู้ถือหุ้นใหญ่ย่อมมีสิทธิในการบริหาร
"เชื่อว่าผู้ถือหุ้นรายเดิมจะใช้สิทธิเพิ่มทุนโดยเฉพาะบริษัทสมาชิก กระทรวงการคลัง และตลาดฯ เอง ซึ่งเป็นแนวทางที่ดี และสามารถแก้ปัญหาได้รวดเร็วกว่าการที่จะนำเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูผ่านศาล ซึ่งจะล่าช้ากว่านี้และเสียค่าใช้จ่ายสูงกว่า"นางนงราม กล่าวอย่างไรก็ตาม แผนการปรับโครงสร้างหนี้จะเสนอแนวทางให้กับเจ้าหนี้ 3 แนวทาง คือ การลดหนี้ (Hair Cut) หรือยืดอายุการชำระหนี้เป็น 15 เดือน หรือแนวทางการแปลงหนี้เป็นทุน
นางนงราม หวังว่าเจ้าหนี้ TSFC จะเลือกแนวทางการยืดเวลาชำระหนี้และแปลงหนี้เป็นทุน ซึ่งเป็นแนวทางที่เหมาะสมกับการปรับโครงสร้างครั้งนี้ โดยในวันที่ 11 ก.พ.52 จะได้ข้อสรุประหว่างเจ้าหนี้เพื่อเสนอแผนการปรับโครงสร้างหนี้ต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ในวันที่ 12 ก.พ. 52
“มูลหนี้ยังคงเป็นตัวเลข 8 พันล้านบาท ซึ่งหากใช้วิธีแฮร์คัท ก็ยอมได้แต่ทุกรายรวมกันได้ไม่เกิน 4 พันล้านบาท แต่ตลาดหลักทรัพย์เบื้องต้นคาดว่ากลุ่มบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจะใช้วิธียืดหนี้มากกว่า"นางนงราม กล่าว
นางนงราม เชื่อว่า ผู้ถือหุ้นเดิมจะเพิ่มทุนตามสัดส่วนทั้งกระทรวงการคลังและบริษัทสมาชิก ซึ่งบริษัทหลักทรัพย์สมาชิกที่ใช้บริการ TSFC ควรมีการร่วมลงทุนรวมกันไม่น้อยกว่า 150 ล้านบาท โดย TSFC ต้องมีเงินทุนใหม่เพิ่มเข้ามาไม่น้อยกว่า 800-1,000 ล้านบาท