(เพิ่มเติม) บอร์ด RANCH ให้รับซื้อหุ้นจากรายย่อย 36 บ./หุ้น ก่อนเพิกถอนออกจากตลาดฯ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday February 12, 2009 14:17 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.บางกอกแร้นช์ (RANCH) แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการครั้งที่ 1/2552 เมื่อวันที่ 12 กุมภาพันธ์ 2552 มีมติอนุมัติให้บริษัทดำเนินการขอถอนหลักทรัพย์ของบริษัท ออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย และให้นำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นเพื่อพิจารณาอนุมัติต่อไปในการดำเนินการขอเพิกถอนหลักทรัพย์โดยสมัครใจดังกล่าว บริษัทจะปฏิบัติตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ที่เกี่ยวข้อง

ทั้งนี้ LONDON 8 LIMITED และบริษัท ธงชัย เอเซีย จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทจะทำคำเสนอซื้อหุ้น RANCH จากผู้ถือหุ้นเป็นการทั่วไปจำนวน 86,220,800 หุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 10 บาท รวมเป็นเงินจำนวนทั้งสิ้น 862,208,000 บาท ในราคาเสนอซื้อหุ้นสามัญราคา 36 บาทต่อหุ้น

LONDON 8 LIMITED และบริษัท ธงชัย เอเซีย จำกัด เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัท โดยถือหุ้นจำนวน 67,218,426 หุ้น คิดเป็นสัดส่วนร้อยละ 78 ของจำนวนหุ้นทั้งหมดของบริษัท และ LONDON 8 LIMITED เป็นบริษัทแม่ของบริษัท ธงชัย เอเซีย จำกัด ซึ่งเป็นการถือหุ้นโดยตรงในบริษัท ธงชัย เอเซีย จำกัด คิดเป็นร้อยละ 49 และการถือโดยผ่านบริษัท มิดเดิ้ล วิลเลจ จำกัด คิดเป็นร้อยละ 51

พร้อมกันนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ฯ มีมติอนุมัติการแต่งตั้งบริษัท เซจแคปปิตอล จำกัด เป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระของผู้ถือหุ้น รวมทั้งให้ความเห็นหรือข้อเสนอแนะเกี่ยวกับการขอถอนหุ้นของบริษัทออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน (โดยความเห็นชอบของกรรมการอิสระ) และมีมติอนุมัติกำหนดวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิในการเข้าร่วมประชุมและออกเสียงลงคะแนนในการประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2552 (Record Date) ในวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2552 และกำหนดวันปิดสมุดทะเบียนเพื่อรวบรวมรายชื่อผู้ถือหุ้นในวันที่ 2 มีนาคม 2552 กำหนดวันประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปี 2552 ในวันที่ 23 เมษายน 2552 เวลา 9.00 น.

สำหรับเหตุผลการขอถอนหุ้นออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียน ประการแรก คือ นับตั้งแต่บริษัทนำหุ้นเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยอีกครั้งเมื่อเดือนธันวาคม 2548 เป็นต้นมา หุ้นของบริษัทมีปริมาณการซื้อขายน้อยมาก นอกจากนั้นบริษัทไม่ได้รับประโยชน์เต็มที่จากการเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เช่น การเข้าถึงแหล่งเงินทุน และการประเมินมูลค่าปัจจุบันของบริษัท ซึ่งทั้งสองกรณีดังกล่าวจะทราบได้ต่อเมื่อหุ้นของบริษัทจะต้องมีการซื้อขายในปริมาณที่มากเพียงพอ ดังนั้น การขอเพิกถอนหุ้นออกจากการเป็นหลักทรัพย์จดทะเบียนจะเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ถือหุ้นของบริษัทสามารถที่จะขายหุ้นของบริษัทให้แก่ผู้ทำคำเสนอซื้อในราคาที่เป็นธรรมตามที่ประกาศของคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(คณะกรรมการ ก.ล.ต.) กำหนด

ประการที่ 2 ปัจจุบันการกระจายการถือหุ้นของผู้ถือหุ้นของบริษัทไม่เป็นไปตามเกณฑ์ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยกำหนด ซึ่งจะต้องมีผู้ถือหุ้นรายย่อยถือหุ้นรวมกันไม่น้อยกว่าร้อยละ 15 ของทุนชำระแล้วของบริษัท แต่บริษัทมีผู้ถือหุ้นรายย่อยถือหุ้นอยู่เพียงร้อยละ 5 ของทุนชำระแล้ว แม้ว่าผู้ถือหุ้นรายใหญ่จะได้พยายามเสนอขายหุ้นของตนผ่านตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยแล้วเพียงใดก็ตามแต่ก็ไม่สามารถแก้ไขปัญหาดังกล่าวได้

ประการที่ 3 ตามประกาศของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยและประกาศ คณะกรรมการ ก.ล.ต.บริษัทมีหน้าที่จะต้องเปิดเผยฐานะทางการเงินและข้อมูลทางธุรกิจของบริษัทต่อสาธารณะ ทั้งนี้ การเปิดเผยข้อมูลดังกล่าวมีภาระเรื่องค่าใช้จ่ายและเวลา ซึ่งจะส่งผลให้บริษัทตกอยู่ในภาวะเสียเปรียบบริษัทคู่แข่ง เนื่องจากบริษัทคู่แข่งที่มิได้เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ไม่มีภาระในการเปิดเผยข้อมูลดังกล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ