สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)ระบุว่า ก.ล.ต.มีแนวคิดที่จะขยายประเภทหลักทรัพย์ และทรัพย์สินที่กองทุนรวมสามารถลงทุนได้ เพื่อเพิ่มผลิตภัณฑ์ทางการเงินและทรัพย์สินประเภทใหม่ ๆ ให้หลากหลายมากขึ้น โดยให้กองทุนรวมใช้ดัชนีเงินเฟ้อและดัชนีกลยุทธ์การลงทุน (ที่สามารถ mark to market โดยบุคคลที่สาม) เป็นสินค้าหรือตัวแปรอ้างอิงของสัญญาซื้อขายล่วงหน้าได้
นอกจากนี้ ให้กองทุนรวมเข้าทำสัญญาซื้อขายล่วงหน้าที่มีลักษณะเป็นการป้องกันความเสี่ยงด้านเครดิต (credit derivatives) ได้ แต่ไม่อนุญาตให้กองทุนรวมทำธุรกรรมดังกล่าวเพื่อเก็งกำไร
อีกทั้งให้กองทุนรวม กองทุนส่วนบุคคล และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ลงทุนในสัญญาซื้อขายสินค้าเกษตรล่วงหน้าได้เฉพาะในตราสารที่อ้างอิงกับดัชนีสินค้าโภคภัณฑ์ (commodities index) แต่หากเป็นการลงทุนในตลาดสินค้าเกษตรล่วงหน้าแห่งประเทศไทย (AFET) ให้ลงทุนเป็นรายสินค้าได้ โดยต้องไม่เกินอัตราส่วนที่กำหนด
อีกทั้ง เพื่อให้การอนุญาตกองทุนรวดเร็วขึ้นและทันต่อสภาวะตลาดที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว ก.ล.ต. จึงจะปรับปรุงแนวทางให้มีการอนุญาตแบบอัตโนมัติแก่กองทุนรวมที่มีลักษณะไม่ซับซ้อนโดยไม่มีการลงทุนในสัญญาซื้อขายล่วงหน้า เว้นแต่เพื่อป้องกันความเสี่ยง ไม่มีการลงทุนในตราสารที่มีสัญญาซื้อขายล่วงหน้าแฝง ไม่มีการแบ่งประเภทหน่วยลงทุน ไม่มีการจ่ายผลตอบแทนแบบซับซ้อน เป็นต้น โดย ก.ล.ต. จะกำหนดเงื่อนไขและวิธีการปฏิบัติเป็นการทั่วไป
นอกจากนี้ ก.ล.ต. รับในหลักการที่ บลจ. ขอให้พิจารณาขยายระยะเวลาจองซื้อหน่วยลงทุนของกองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์หากมีเหตุการณ์ฉุกเฉินที่กระทบต่อการตัดสินใจของผู้ลงทุนอย่างมีสาระสำคัญ ซึ่ง ก.ล.ต. เห็นว่าเพื่อให้ผู้ลงทุนได้รับทราบข้อมูลดังกล่าวอย่างครบถ้วนก่อนการตัดสินใจลงทุนบลจ.ต้องเปิดเผยข้อมูลในหนังสือชี้ชวนให้ชัดเจน
ก.ล.ต. อยู่ระหว่างปรับปรุงหลักเกณฑ์กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ โดยประเด็นที่แก้ไขสำคัญเรื่องหนึ่งคือการกำหนดให้กองทุนรวมอสังหาริมทรัพย์ที่ลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์(leasehold) ต้องจ่ายเงินปันผลจากกำไรสุทธิซึ่งหักรายการขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้น(unrealized loss)จากการประเมินราคาสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์แล้ว
ทั้งนี้ หาก บลจ.ประสงค์จะนำสภาพคล่องจาก unrealized loss คืนแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนก็สามารถกระทำได้โดยการลดเงินทุนจดทะเบียนของกองทุนรวม การดำเนินการดังกล่าวจะทำให้ผู้ถือหน่วยลงทุนสามารถประเมินผลตอบแทนที่แท้จริงจากการลงทุนซึ่งได้รับในรูปของเงินปันผลได้ง่ายและชัดเจนขึ้น