นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานคณะกรรมการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย(ตลท.) กล่าวว่า ตลท.จะรอผลการตัดสินใจของฝ่ายบริษัทหลักทรัพย์ราว 30 รายว่าจะเข้ามามีส่วนในการเพิ่มทุนให้กับบริษัทหลักทรัพย์เพื่อธุรกิจหลักทรัพย์(TSFC)หรือไม่ในสัปดาห์หน้า เพราะหากไม่ใส่เงินเข้ามาช่วยเพิ่มทุนให้กับ TSFC ก็แสดงว่าบริษัทหลักทรัพย์มองว่า TSFC ไม่จำเป็นอีกต่อไป ถ้าเป็นเช่นนั้น ตลท.ก็จะคงไม่ต้องใส่เงินเข้าไปช่วยเพิ่มทุนให้กับ TSFC เช่นกัน
"ตลท.พร้อมที่จะใส่เงินเข้าเพิ่มทุนใน TSFC แต่สิ่งสำคัญจะต้องขึ้นอยู่กับ บล. ซึ่งเป็นผู้ที่เกี่ยวข้องโดยตรงและใช้บริการ TSFC จะต้องร่วมลงทุนโดยตลท.จะรอคำตอบและความชัดเจนภายในสัปดาห์หน้า ขณะเดียวกันก็จะติดตามถึงเม็ดเงินใหม่และเม็ดเงินจากการแปลงหนี้เป็นทุนรวม 800 ล้านบาทด้วย ซึ่งตรงนี้ไม่น่ากังวล แต่อย่างไรก็ตามหาก 2 แนวทางดำเนินต่อไปไม่ได้ตลาดก็จะไม่ลงเงิน" นายปกรณ์ กล่าวทั้งนี้ เชื่อว่าหากทุกฝ่ายช่วยกันในการดำรงสถานะ TSFC และทำให้มีกำไรได้ในที่สุดแล้วก็จะทำ TSFC เข้ามาจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ โดยประเมินว่าคงจะเห็นการเข้าใน 3-4 ปีข้างหน้าที่ตลาดฟื้นตัว เพราะจากการที่ให้ที่ปรึกษาทางการเงินดูธุรกิจของ TSFC ที่ผ่านมาก็มีกำไรมาตลอดรวมถึงการเพิ่มธุรกิจให้ TSFC มากขึ้น
อนึ่ง คณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์ได้อนุมัติในหลักการที่จะเพิ่มทุนใน TSFC ไม่เกิน 250 ล้านบาท แต่มีเงื่อนไขว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในธุรกิจหลักทรัพย์จะต้องแสดงความร่วมมือในการเพิ่มทุนด้วยรวมถึงฝ่ายเจ้าหนี้ต้องร่วมกันแสดงความชัดเจนในการปรับโครงสร้างหนี้
"สิ่งที่จะทำให้ TSFC เดินต่อไปได้คือ บล.กว่า 30 รายที่ใช้บริการ TSFC อยู่จะต้องร่วมกันลงขันใส่เงินเพิ่มทุนไม่ต่ำกว่า 150 ล้านบาท ซึ่งหากไม่ปฏิบิติจะเป็นการแสดงให้เห็นว่าไม่ต้องการให้เกิดขึ้น โดยตลท.ให้ทางบล.กลับไปคิดและต้องมีคำตอบภายในสัปดาห์หน้า" นายปกรณ์ กล่าว