TF ลดราคาผ่านโมเดิร์นเทรด-ออกสินค้าใหม่ชิงส่วนแบ่งคืนหลังถูกดัมพ์ตลาด

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday February 16, 2009 15:16 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ไทยเพรซิเดนท์ฟูดส์(TF)ผู้ผลิตบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป"มาม่า"เผชิญภาวะดัมพ์ราคาแข่งขันในภาวะเศรษฐกิจชะตัว ทำให้บริษัทปรับตัวยอมลดราคาสู้ หลังเดือนม.ค.ที่ผ่านมา เสียส่วนแบ่งตลาดไป 0.3% ประกาศทวงคืนเพื่อรักษาแชม์ตลาดบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป พร้อมเตรียมออกสินค้าใหม่ 3 ชนิดในเดือนมี.ค.-เม.ย.เร่งเครื่องยอดขาย ตั้งเป้าทั้งปี 52 ยอดขายโต 10% จากปีก่อนที่มี 7 พันล้านบาท หรืออย่างน้อยต้องโต 5% หรือมองหากภาวะแย่สุดก็ต้องไม่ต่ำกว่าปีที่แล้ว

นายพิพัฒ พะเนียงเวทย์ กรรมการผู้อำนวยการ TF เปิดเผยว่า คู่แข่งบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปดัมพ์ราคาลงมากในร้านค้าโมเดิร์นเทรด จากปกติที่ไม่ได้ลดราคาให้มากนัก ทำให้ยอดขาย"มาม่า"ลดลงไปมาก โดยยอมรับว่าปีนี้การแข่งขันจะรุนแรง มีการทำ below the line(จัดกิจกรรมการขาย) จะแข่งกันมาก อย่างไรก็ดาม การปรับลดราคาลงมาแข่งขันจะเป็นการทำชั่วคราว

"เราคงต้องสู้ ไม่สู้ก็เสียแชร์ เดือนที่แล้ว(ม.ค.)เราเสียไป 0.3% เราก็ต้องลงราคาสู้ ตอนนี้ยังไม่เริ่ม ทางเราคงพิจารณาลดเร็วๆนี้ โดยลดราคาในช่องทางโมเดิร์นเทรดเป็นหลักใหญ่"นายพิพัฒ กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"

ปัจจุบัน "มาม่า" ใช้ช่องทางขายผ่านยี่ปั๊ว(open trade)สัดส่วน 50% รองลงมาผ่านร้านโมเดิร์นเทรด สัดส่วน 40% และ ตามร้านสะดวกซื้อ 10% โดยปัจจุบันมีส่วนแบ่งตลาดประมาณกว่า 51%

นายพิพัฒ กล่าวว่า สาเหตุที่มีการแข่งขันราคากันอย่างรุนแรง เนื่องจากกำลังซื้อลดลงจากภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว อย่างไรก็ดี ยอดขายในเดือน ม.ค.52 ดีขึ้นกว่าม.ค.ปีก่อน เพราะปีที่แล้วบริษัทปรับราคาขายจึงมียอดขายไม่ดี โดยยอดขายในเดือนม.ค.52 เติบโตราว 5% จาก ม.ค.51 ซึ่งยอดขายตอนนี้ก็ดีเป็นที่น่าพอใจ

บริษัทไม่ได้นิ่งนอนใจ แม้ว่าในปี 52 บริษัทจะตั้งเป้าหมายยอดขายเติบโต 10% จากปีก่อนที่มี 7 พันล้านบาทก็ตาม แต่ก็ต้องติดตามยอดขายทุกเดือน เพราะตลาดอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลาจากภาวะเศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนสูง

"ตอนนี้ต้องดูเดือนต่อเดือน ถ้าไปดู 3 เดือน 6 เดือน ไม่มีทางสู้ เพราะเศรษฐกิจไม่ดี ตลาดแปรผันมาก กำลังซื้อหดเยอะ หดตัวทุกเดือน เพราะว่าโรงงานปิดทุกเดือน กระเทือนเรา คนงาน(โรงงาน)กินของเราเยอะ"นายพิพัฒ กล่าว

"ตอนนี้ ปีที่แล้วนโยบายของเรา วัตถุดิบไม่เกี่ยงราคา แต่ของไม่ให้ขาด แต่ปีนี้ราคาเท่าไรก็ได้แต่ยอดขายไม่ให้ตก อย่างน้อยก็เท่ากับปีที่แล้ว ประมาณ 7 พันล้านบาท แต่เวลาเราตั้งสูงไว้ก่อนที่ 10% แต่ได้ 5% ก็เอาแล้ว"นายพิพัฒ กล่าว

ทั้งนี้ บริษัทมีแผนจะออกสินค้าใหม่ 3 ตัว ในเดือน มี.ค.และ เม.ย.นี้ โดย 2 ชนิดแรก จะเป็น"มาม่า" 2 รสชาติ จะขายให้กับผุ้มีรายได้น้อย โดยขายซองละ 5 บาท แต่ปริมาณจะเท่ากับราคาปัจจุบันซึ่งขายอยู่ที่ 6 บาท เพื่อเจาะขายเฉพาะในต่างจังหวัด และอีก 1 ชนิด คือ"มาม่าบิ๊กแพค"รสชาติต้มยำน้ำข้น ราคาซองละ 8 บาท ซึ่งจะออกในเวลาไล่เสี่ยกัน

นอกจากนี้ นายพิพัฒ กล่าวว่า แนวโน้มราคาวัตถุดิบเริ่มเห็นสัญญาณปรับตัวขึ้นแล้ว หลังจากที่ลดลงไปก่อนหน้านี้ จึงต้องติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะยังไม่นิ่งและมีทีท่าที่จะเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา โดยในปีที่ผานมาบริษัทประสบปัญหาต้นทุนวัตถุดิลปรับขึ้นสูงมาก โดยวัตถุดิบหลักได้แก่ แป้งสาลี คิดเป็นสัดส่วน 38-40% ของต้นทุน และน้ำมันปาล์ม มีสัดส่วน 17% ของต้นทุน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ