CCET คาดยอดขายปี 52 หดตัวตามดีมานด์โลกที่ลด 10-15% แต่ 2เดือนแรกยังบวก

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday March 20, 2009 10:11 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางนฤริน ตันติสัจธรรม รองผู้อำนวยการ สำนักงานกรุงเทพ บมจ.แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์(ประเทศไทย)หรือCCET ผู้รับผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิคส์ กล่าวยอมรับว่า ยอดขายปีนี้น่าจะลดลงจากปีก่อน ตามความต้องการของตลาดโลก โดยคาดว่าปีนี้ตลาดธุรกิจรับจ้างผลิต(Electronics Manufacturing Services-EMS)ของโลกจะลดลง 10-15% ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นสินค้า consumer product ที่ลดลงไปมาก

"บริษัทถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์โอเคถ้าเทียบกับหลายๆบริษัทที่ลดไปเยอะ แต่บริษัทก็ไม่ได้ Fixed ตัวเลขไว้ ขึ้นอยู่กับตลาด ตอนนี้เราไม่ได้ประมาณการตัวเลขของเรา แต่ก็มองว่ายอดขายของเราก็อิงตาม industry ซึ่งดีมานด์ที่ลดลงก็จะมีผลต่อบริษัท แต่เราคิดว่ายอดขายคงยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี"นางนฤริน กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"

อนึ่ง ในปี 51 บริษัททำยอดขาย 3.68 พันล้านเหรียญ ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่ 3.4 พันล้านเหรียญ โดยเติบโตจากปี 50 ที่มียอดขาย 2.5 พันล้านเหรียญ

นางนฤริน กล่าวว่า แม้จะคาดการณ์เช่นนั้น แต่ในช่วง 1-2 เดือนที่ผ่านมายอดขายยังเป็นบวกอยู่เมื่อเทียบกับเดือนเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมองว่าบริษัทจะยังมีออดขายในเกณฑ์ที่ดีอยู่ เพราะยังมีลูกค้าใหม่เข้ามามาก คงสามารถช่วยทดแทนดีมานด์ในส่วนที่หายไปได้บ้าง

โดยเฉพาะสินค้าประเภท Set-top box ก็ยังเพิ่มขึ้น เพราะคนว่างงานตกงาน ไม่ไปช้อปปิ้งก็อยู่บ้านดูทีวีมากขึ้น นอกจากนี้ก็ยังมีงานประกอบแผ่นวงจรพิมพ์ฮาร์ดดิสก์(HDD PCBA) ขณะที่ชิ้นส่วนโทรศัพท์มือถือลดลงตามที่ส่งสัญญาณมาตั้งแต่ไตรมาสที่ 4/52 แล้ว

ทั้งนี้ บริษัทยังคงมีตลาดเอเชียเป็นตลาดหลัก สัดส่วนประมาณ 50% โดยปีที่ผ่านมาลดลง 1-2% รองลงมาเป็นตลาดสหรัฐ ซึ่งปีก่อนตลาดเพิ่มขึ้น 2-3% เป็นประมาณ 23% และ ตลาดยุโรป

"เรายังคงต้องติดตามตลาดอย่างใกล้ชิด เพราะเหตุการณ์ค่อนข้างผันผวน อย่างไรก็ตาม คำสั่งซื้อล่วงหน้ามีอยู่ตามปกติมีล่วงหน้า 3 เดือน"นางนฤริน กล่าว

นางนฤริน กล่าวว่า ยอดขายของบริษัทจะอิงกับ industry และปีนี้ทางบริษัทไม่อยากจะประกาศว่าเป้าหมายของบริษัท เพราะตลาดค่อนข้างผันผวน ดีมานด์ค่อนข้างผันผวน ดูจากบทวิเคราะห์แล้วไม่มีบทวิเคราะห์ไหนที่สามารถบอกได้เลยว่าวิกฤตเศรษฐกิจจะสิ้นสุดเมื่อไร และเมื่อไรจะเป็นจุดพลิกฟื้น

"ทุกคนอยากตั้งประมาณการ อยากตั้ง forcast ที่แม่นยำที่สุด ตอนนี้ทุกวันนี้มีใครที่มียอดขายนิ่งบ้าง เพราะทุกคนไม่รู้ ใครจะทราบว่าวันนี้ bottom แล้ว จะมีอะไรเลวร้ายกว่านี้หรือเปล่า หรือว่าหยุดอยู่แค่นี้ คือทุกคนไม่รู้ ครั้งนี้ค่อนข้างซีเรียส ไม่เหมือนวิกฤติต้มยำกุ้งสมัยก่อนที่เป็นในแถบเอเชีย แต่ครั้งนี้เป็นทั้ง global ฉะนั้นทุกวันนี้ไม่มีใครตอบได้ เราจึงไม่ได้กำหนดอะไร เพราะตลาดผันผวนค่อนข้างมาก"นางนฤริน กล่าว

ในแง่ของอัตรากำไร(มาร์จิ้น)นั้น นางนฤริน กล่าวยอมรับว่า ทุกวันนี้ธุรกิจค่อนข้างมีการแข่งขัน ฉะนั้นการจะเอากำไรมากๆ คงจะเป็นไปไม่ได้ โดยในปี 51 บริษัทมีอัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 3.51% ลดลงจากปี 50 ที่อยู่ในระดับ 4.98% ส่วนอัตรากำไรสุทธิในปีก่อนอยู่ที่ 1.72% ลดลงจาก 3.08% ในปี 50 เช่นกัน

สำหรับความเห็นของโบรกเกอร์ คาดการณ์ กำไรสุทธิของ CCET ในปี 52 จะลดลง ประมาณ 11.5% - 37% จากปีก่อนมีกำไรสุทธิ 2.1 พันล้านบาท เนื่องจากความต้องการที่ถดถอยและแนวโน้มอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ตกต่ำ ประกอบกับ คำสั่งซื้อในปีนี้ถูกดดันจากผู้ผลิต HDD รายใหญ่ของโลกที่เป็นลูกค้าบริษัทคือ Western Digital (WD) และ Seagate ซึ่งประกาศลดกำลังการผลิต

CCET เป็นบริษัทในเครือ Kinpo Group ของไต้หวัน ถือว่าเป็นผู้รับจ้างผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำของโลก โดยมีโรงงานในไทย 6 แห่ง และ ในจีน 5 แห่ง

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ