เนื่องจาก ตลท.ได้รวบรวมข้อมูลของบริษัทจดทะเบียนที่นำส่งงบการเงินสิ้นสุดวันที่ 31 ธันวาคม 2551 และเป็นบริษัท ที่หากไม่รวมกำไร(ขาดทุน)จากเงินลงทุนแล้วยังมีผลขาดทุนสุทธิ
2) ณ 31 ธันวาคม 2551 BLISS LIVE และ IEC มีสัดส่วนการลงทุนระหว่างกันอย่างมีนัยสำคัญ โดย
- BLISS มีเงินลงทุนใน LIVE และ IEC คิดเป็น 49.89% และ 48.97%ของมูลค่าเงินลงทุนชั่วคราว 60 ล้านบาท
- LIVE มีเงินลงทุนใน IEC คิดเป็น 99.37% ของมูลค่าเงินลงทุนชั่วคราว 118 ล้านบาท
- IEC มีเงินลงทุนใน LIVE คิดเป็น 91.89% ของมูลค่าเงินลงทุนชั่วคราว 80 ล้านบาท
3) เหตุการณ์ภายหลังวันที่ในงบดุลปรากฏข้อมูลที่มีนัยสำคัญเกี่ยวกับการซื้อขายเงินลงทุนชั่วคราวดังนี้
3.1 BLISS : มีผลขาดทุนจากเงินลงทุนหลังสิ้นงวดจนถึงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2552 จำนวน 56.43 ล้านบาท ซึ่ง อาจมีผลอย่างมีนัยสำคัญต่อส่วนของผู้ถือหุ้น ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2551 ซึ่งเท่ากับ 28.97 ล้านบาท (หมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ 35.2)
3.2 LIVE : ปรากฏข้อมูลการซื้อขายเงินลงทุนหลังวันสิ้นงวดจนถึงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2552 โดยเป็นการซื้อและขาย เงินลงทุนใน IEC ทั้งหมดของมูลค่าซื้อเงินลงทุน 4.93 ล้านบาท และ 96.68% ของมูลค่าขายเงินลงทุน 24.83 ล้านบาทตามลำดับ (หมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ 31.2)
3.3 IEC : มีผลขาดทุนจากเงินลงทุนหลังสิ้นงวดจนถึงวันที่ 25 กุมภาพันธ์ 2552 จำนวน 23 ล้านบาท (หมายเหตุประกอบงบการเงินข้อ 44)
4) ผู้สอบบัญชีมีข้อสังเกตเกี่ยวกับความสามารถในการดำเนินงานต่อเนื่องของ BLISS, IEC และ LIVE โดย
1) BLISS
1.1) วิกฤตการณ์เศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำอย่างมากมีผลกระทบต่อการลดลงของราคาตลาดของเงินลงทุนชั่วคราว ทำให้บริษัทมีขาดทุนจากเงินลงทุนในปี 2551 จำนวน 702 ล้านบาท
1.2) บริษัทได้ผิดนัดชำระหนี้ตั๋วสัญญาใช้เงินกับธนาคารพาณิชย์ในประเทศสองแห่ง ซึ่งผลจากการผิดนัดดังกล่าว อาจทำให้ธนาคารมีสิทธิเร่งให้บริษัทชำระหนี้ทั้งหมดได้ทันที ซึ่ง ณ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2552 บริษัทอยู่ระหว่างเจรจากับธนา คารพาณิชย์ในประเทศแต่ยังไม่ทราบผล
2) IEC
2.1) บริษัทย่อยได้ซื้อทรัพย์สิน (โรงงานผลิตเอทานอลได้แก่ที่ดิน อาคาร และเครื่องจักร) จากบริษัทแห่งหนึ่ง 465 ล้านบาท ต่อมาบริษัทย่อยดังกล่าวถูกฟ้องคดีต่อศาลเกี่ยวกับการซื้อทรัพย์สินดังกล่าวเป็นโมฆะทุนทรัพย์ 181 ล้านบาท และ ฐานความผิดข้อหายักยอกทรัพย์
2.2) บริษัทย่อยและบริษัทถูกธนาคารฟ้องให้ชำระหนี้เงินกู้ยืมพร้อมบังคับจำนองทรัพย์สิน
2.3) วิกฤตการณ์เศรษฐกิจโลกที่ตกต่ำอย่างมากมีผลต่อการลดลงของราคาตลาดของเงินลงทุนชั่วคราว ทำให้กลุ่ม บริษัทขาดทุนจากเงินลงทุนในปี 2551 จำนวน 706 ล้านบาท
นอกจากนี้ หมายเหตุข้อ 16 ระบุว่า 5 กุมภาพันธ์ 2552 ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทย่อยได้อนุมัติให้เปลี่ยนแผน การผลิตเอทานอลเป็นการผลิตไบโอดีเซลเนื่องจากเอทานอลล้นตลาด ในเบื้องต้นคาดว่าสามารถนำเครื่องจักรเดิมมาใช้งานได้ บางส่วน จึงบันทึกค่าเผื่อการด้อยค่าของเครื่องจักร ณ 31 ธันวาคม 2551 จำนวน 160 ล้านบาท
3) LIVE
3.1) LIVE และบริษัทย่อยมีผลขาดทุนสุทธิ โดยในขาดทุนสุทธินี้ได้รวมผลขาดทุนสุทธิที่เกิดจากการลงทุนในหลักทรัพย์
3.2) มีปัญหาสภาพคล่องทางการเงินต่อเนื่องโดยมีเงินสดสุทธิจากกิจกรรมดำเนินงานติดลบ
3.3) LIVE อยู่ในช่วงทบทวนแผนธุรกิจให้สอดคล้องกับภาวะเศรษฐกิจของประเทศไทยอันเนื่องมาจากผลกระทบของ วิกฤตการณ์ทางการเงินที่เกิดขึ้นทั่วโลกตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ปี 2551