บลจ. ทิสโก้ส่งกอง “สเปเชียล พลัส 11" ลุยตราสารหนี้เอกชนในประเทศต่อเนื่อง พร้อมปรับรูปแบบใหม่สามารถเลิกกองทุนได้ก่อนครบอายุโครงการ หากกองทุนสร้างผลตอบแทนได้ตามเป้าหมายที่ประมาณ 4% ภายใน 1 ปี เพื่อเพิ่มโอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝากธนาคาร เปิดขาย 16-24 เม.ย. นี้ มูลค่าโครงการ 200 ล้านบาท ลงทุนขั้นต่ำ 20,000 บาท
นายพิชา รัตนธรรม หัวหน้าธุรกิจกองทุนรวมและกองทุนส่วนบุคคล บลจ.ทิสโก้ จำกัด เปิดเผยว่า หลังจากอัตราดอกเบี้ยยังคงปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง บริษัทพบว่าการลงทุนในตราสารหนี้เอกชนอายุประมาณ 2-3 ปียังให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจ เนื่องจากมีผลตอบแทนส่วนเพิ่มหรือ Credit spread ที่สูง เมื่อเปรียบเทียบกับการลงทุนในพันธบัตรรัฐบาลที่มีอายุใกล้เคียงกัน แต่เนื่องจากนักลงทุนบางคนกังวลว่าหากดอกเบี้ยในตลาดยังคงปรับลดลงต่อไปอีกในระหว่าง 2-3 ปีที่มีการลงทุนไปแล้ว จะทำให้ไม่ได้รับประโยชน์ในส่วนนั้น
บลจ. ทิสโก้จึงได้เสนอทางเลือกใหม่เพื่อรองรับความต้องการดังกล่าวโดยจะเปิดขายกองทุนตราสารหนี้เอกชน “กองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล พลัส 11" ที่มีนโยบายเหมือนกองทุนอื่นๆ ในตระกูลของ “สเปเชี่ยล พลัส" คือ มุ่งรับผลตอบแทนจากการลงทุนในตราสารหนี้ธนาคารพาณิชย์และบริษัทเอกชน เพื่อคาดหวังโอกาสรับผลตอบแทนสูงกว่าเงินฝาก และมีอายุโครงการประมาณ 2 ปีเช่นเดิม
แต่มีการเพิ่มเงื่อนไขให้สามารถเลิกกองทุนและรับเงินต้นคืนพร้อมผลตอบแทนได้ก่อนครบอายุโครงการ หากหน่วยลงทุน (NAV) มีมูลค่ามากกว่าหรือเท่ากับ 10.42 บาท ณ วันทำการใด ภายในระยะเวลา 1 ปี
“จุดเด่นของกองทุนนี้คือ มีความแตกต่างจากกองทุนตราสารหนี้ทั่วไปที่ผู้ลงทุนต้องถือจนครบอายุโครงการจึงจะได้รับผลตอบแทนจากการลงทุน แต่สำหรับกองทุนนี้เราเพิ่มเงื่อนไขเข้ามาเพื่อช่วยให้นักลงทุนมีโอกาสได้รับผลตอบแทนตามเป้าหมายเร็วขึ้น ซึ่งที่ผ่านมาในตลาดมีแต่กองทุนตราสารทุนที่มีการตั้งเป้าทำกำไรตามเป้าหมาย หรือทาร์เกตฟันด์ ดังนั้น “กองทุนเปิด ทิสโก้ สเปเชี่ยล พลัส 11" จึงเป็นกองทุนตราสารหนี้รูปแบบใหม่ในตลาด ที่เปิดโอกาสให้กองทุนได้กำไรจากการปรับราคาทรัพย์สินที่ลงทุนให้สะท้อนกับราคาทรัพย์สินในปัจจุบันที่มีการซื้อขายอยู่ในตลาด หรือที่เรียกว่า Mark to Market ของตลาดด้วย" นายพิชา กล่าว
สำหรับการรับผลตอบแทนระหว่างการลงทุนนั้น กองทุนนี้จะไม่มีการรับซื้อคืนหน่วยลงทุนโดยอัตโนมัติในช่วง 1 ปีแรก แต่จะเริ่มรับซื้อคืนหน่วยลงทุนอัตโนมัติ (Auto redemption) ทุกเวลาประมาณ 6 เดือน หลังจากครบ 1 ปี หากไม่เกิดกรณีที่ NAV มากกว่าหรือเท่ากับ 10.42 บาท