นายพิเชษฐ วิศวศุภกร กรรมการผูจัดการ บมจ. เอเชี่ยน พร็อพเพอร์ตี้ ดีเวลลอปเม้นท์ (AP) เปิดเผยกับ "อินโฟเควสท์" ว่าบริษัทได้ลดงบการซื้อที่ดินในปี 52 เหลือประมาณ 2 พันล้านบาท เมื่อเทียบกับปีก่อนที่ใช้งบในการซื้อที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการประมาณ 4 พันล้านบาท
เนื่องจากสถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจโลกที่ชะลอส่งผลให้มีความไม่นอนสูง แม้ในขณะนี้เศรษฐกิจโลกจะมีทิศทางที่ดีขึ้น ประกอบกับบริษัทต้องการถือเงินสดไว้รองรับหากเกิดสถานการณ์ที่ไม่ดีซึ่งถือเป็นการป้องกันความเสี่ยง นอกจากนี้ในการซื้อที่ดินจะพิจารณาอย่างรอบคอบมากขึ้นก่อนซื้อที่ดินจากเดิมที่จะวางเงินล่วงหน้า
"การซื้อที่ดินของเรายังคงซื้อต่อเนื่อง แต่คงเป็นการทยอยซื้อทั้งแนวราบและคอนโดมีเนียมที่ใครว่าปีนี้คอนโดฯตายผมว่าไม่หรอก และถ้าเป็นคอนโดฯที่อยู่ในเมืองยังไงก็ยังขายได้ แต่อย่างไรก็ตามการตัดสินใจคงพิจารณารอบคอบมากขึ้น สถานการณ์อย่างนี้ " นายพิเชษฐกล่าว
สำหรับการเปิดโครงการใหม่ในปี 52 ยอมรับว่าต้องพิจารณาให้ดีซึ่งในไตรมาส 2 คงจะเห็น 1-2 โครงการย่านลาดพร้าว ,และย่านพญาไท มูลค่าโครงการ 1 พันล้านบาทต่อโครงการ ซึ่งการเปิดโครงการในไตรมาส 2 ปีนี้ ถือว่ามีจำนวนการเปิดน้อยลงเมื่อเทียบกับการเปิดเฉลี่ยในแต่ละไตรมาสที่ประมาณ 3-4 โครงการ
เพราะสถานการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลการเปิดโครงการต้องล่าช้า อีกทั้งในการเปิดโครงการต้องใช้เวลา จากทั้งปีที่คาดว่าจะเปิด 12 โครงการมูลค่ารวมประมาณ 1 หมื่นล้านบาท ซึ่งการเปิดโครงการคงจะมากในช่วงไตรมาส 3-4 ปีนี้เป็นส่วนใหญ่
นายพิเชษฐ์ กล่าวว่า ยอดขายในไตรมาส 1 ปีนี้ปรับตัวลดลง 10-20% จากปีก่อนในช่วงเดียวกัน แต่ก็เป็นการลดลงที่ยอมรับได้ภายใต้สถานการณ์ทางการเมืองและเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ขณะที่ไตรมาส 2/52 มองว่าคงไม่มีปัจจัยที่เลวร้ายมากขึ้นยกเว้นสถานการณ์ทางการเมือง บริษัทมีโครงการเดิมที่มียอดขายแล้ว
ประกอบกับการที่บริษัทมี backlog หรืองานในมือประมาณ 1.4 -1.5 หมื่นล้านบาททยอยรับรู้ 3 ปี (52-54 ) ซึ่งเป็นการรองรับการเติบโตได้ และยังมียอดจากการทยอยรับรู้จากโครงการ "The Address" ชิดลมซึ่งเป็นโครงการขนาดใหญ่ในไตรมาส 2- 4 ของปีนี้ ซึ่งมีมูลค่าโครงการ 3.5 พันล้านบาท จึงทำให้บริษัทเชื่อว่ายอดขายปีนี้ 1 หมื่นล้านบาททำได้แน่นอน