(เพิ่มเติม) บล.โกลเบล็ก คาด Q2/52 พลิกเป็นกำไร เตรียมทยอยเพิ่มทีมมาร์เก็ตติ้ง

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday May 4, 2009 12:19 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชนะชัย จุลจิราภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บล.โกลเบล็ก คาดว่า ไตรมาส 2/52 ผลประกอบการของ บล.โกลเบล็กจะปรับตัวในทิศทางที่ดีขึ้นและน่าจะพลิกมามีกำไรได้ หลังจากที่ขาดทุนราว 16 ล้านบาทในไตรมาส 1/52 และเชื่อว่าทั้งปีจะมีกำไรได้เช่นกัน เนื่องจากในเดือน เม.ย.เริ่มเห็นกำไรแล้ว

นายชนะชัย กล่าวว่า รายได้ค่าคอมมิชชั่นมีทิศทางที่ดีขึ้นตามภาวะตลาดหุ้น รวมถึงตลาด TFEX ซึ่งถือเป็นรายได้ที่เพิ่มขึ้น จากเดิมที่บริษัทจะมีสัดส่วนรายได้ที่มาจากรายได้ค่านายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ในสัดส่วนรายได้ 84%ในปีก่อน แต่ขณะนี้ได้ปรับสัดส่วนรายได้ค่านายหน้าจากตลาดหลักทรัพย์ฯ เหลือ 71% และรายได้จากตลาดอนุพันธ์เพิ่มเป็น 24% และที่เหลือมาจากรายได้อื่นๆ

ก่อนหน้านี้ บริษัทได้เพิ่มทีมมาร์เก็ตติ้งเข้ามาแล้วราว 20 คน ถือว่าประสบความสำเร็จพอสมควร และจะมีการทยอยเพิ่มทีมเข้ามาอีก 18 คน ซึ่งจะทำให้มีจำนวนมาร์เก็ตติ้ง 170-180 คน จากสิ้นปี 51 ที่มีอยู่ 140 คน

นอกจากนี้ก็จะมีการเพิ่มทางด้านงานวาณิชธนกิจอีกด้วย ที่จะเข้ามาภายใน 1-2 เดือนนี้ โดยมีดีลในมือจำนวน 10 ดีล และคาดว่าจะสามารถนำเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ ได้ 1-2 ดีล

นายชนะชัย กล่าวว่า บริษัทยังขยายการลงทุนโดยการเพิ่มวงเงินพอร์ตลงทุน 300 กว่าล้านบาท ซึ่งเป็นเป็นการลงทุนทั้งในตราสารทุนและตราสารหนี้ แบ่งเป็นการลงทุนในระยะสั้นไม่เกิน 3 เดือน 30% และระยะยาว คือ 1 ปีขึ้นไป 70% โดยคาดว่าจะได้ผลตอบแทนจากการลงทุนในพอร์ต 10%

และจากการที่บริษัทเสริมธุรกิจจากพอร์ตการลงทุนที่เพิ่มขึ้น คาดว่าจะส่งผลให้มาร์เก็ตแชร์ของบริษัทเพิ่มขึ้นมาที่ 3% จาก 1.4% และจะทำให้อันดับมาร์เก็ตแชร์ของบริษัทขึ้นมาติด 1 ใน 10

บริษัทยังเตรียมเพิ่มธุรกรรมใหม่ๆ เช่น ธุรกิจการยืมและให้ยืมหลักทรัพย์(SBL)ที่ได้มีการยื่นขออนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์(ก.ล.ต.)แล้ว คาดว่าจะสามารถดำเนินธุรกรรได้ในครึ่งหลังของปีนี้

"เราจะพยายามทำธุรกรรมของเราให้มากขึ้น เพื่อเพิ่มรายได้ ถึงแม้ว่าสถานการณ์ภาวะตลาดในขณะนี้จะไม่สดใส แต่การที่เรามีธุรกรรมที่หลากหลายเพิ่มมากขึ้นกว่าแต่ก่อน และยังเป็นการช่วยลดความเสี่ยงจากธุรกรรมนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์อย่างเดียว ซึ่งเราก็มีเทรดทองคำ ซึ่งจะช่วยเพิ่มรายได้อีกทางหนึ่งด้วย" นายชนะชัย กล่าว

นายชนะชัย กล่าวต่อว่า ในส่วนของเรื่องการควบรวมกิจการ บริษัทก็เปิดกว้างในการควบรวม ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่จะต้องทำเพื่อรองรับการเปิดเสรีในอนาคต ซึ่งที่ผ่านมาก็มีโบรกเกอร์เข้ามาเจรจา 2-3 ราย แต่ไม่มีข้อสรุป เพราะการที่จะควบรวมผู้ที่จะมาควบรวมต้องwin-win ทั้ง 2 ฝ่าย ซึ่งบริษัทเองต้องการเสริมความแข็งแกร่งในด้านลูกค้าสถาบันและต่างประเทศ

"ปัจจุบันบริษัทมีสัดส่วนรายได้หลักมาจากรายย่อย ซึ่งหากได้รายย่อยเข้มาเพิ่มจะดีในระยะสั้น แต่ระยะยาวไม่เกิดประโยชน์ ซึ่งสนใจในแง่ลูกค้าสถาบันและต่างชาติมากกว่า.. ซึ่งเรื่องของการควบรวมได้มีการพูดคุยผู้ถือหุ้น ซึ่งไม่ได้ปิดกั้นอะไร แต่ส่วนเรื่องการเปิดเสรี ส่วนตัวมองว่า ควรเลื่อนการเปิดเสรีไปก่อน ภายใต้สถานการณ์ปัจจุบันที่ภาวะตลาดปรับตัวลดลงอย่างมาก" นายชนะชัย กล่าว

นายชนะชัย ยังให้ความเห็นว่า ดัชนีตลาดหุ้นไทยในปีนี้น่าจะแกว่งตัวที่ต่ำสุด 380 จุด และอาจจะรีบาวน์ขึ้นไปได้ที่ 600 จุด ขณะที่มองเศรษฐกิจไทยปีนี้จะขยายตัวติดลบ 3-5% โดยปัจจัยที่ยังต้องจับตามองสำหรับนักลงทุนต่างชาติคือ ปัญหาทางด้านการเมือง และโครงการเมกะโปรเจ็คต์ของรัฐบาล

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ