โกลด์แมน แซคส์ คาดว่า ดัชนีหุ้นไต้หวันอาจจะพุ่งขึ้นถึง 50% หลังจากที่ไต้หวันได้กระชับความสัมพันธ์กับจีนมากขึ้น และยังได้ยกระดับหุ้นของไต้หวันเป็น "overweight"
ทิโมธี โม ระบุในรายงานว่า ดัชนีเวทเต็ดอาจจะอยู่ในช่วง 7,500 - 9,000 จุดช่วงสิ้นปีนี้ โดยเมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา ดัชนีปิดที่ 5,992.57 จุด ปรับตัวขึ้น 378.51 จุด หรือ 6.74% ซึ่งเป็นการพุ่งขึ้นสูงสุดในหนึ่งวันนับตั้งแต่ปีพ.ศ. 2534 หรือในรอบ 18 ปี และค่าเงินดอลลาร์ไต้หวันก็แข็งค่าขึ้นหลังจากที่ไต้หวันได้อนุญาตให้จีนเข้ามาลงทุนได้เป็นครั้งแรก นับตั้งแต่สงครามกลางเมืองได้สิ้นสุดลงเมื่อ 60 ปีที่แล้ว และวันนี้ ดัชนีก็พุ่งขึ้นถึง 5.6% นับเป็นสถิติที่สูงสุดในรอบ 2 วัน โครงการใหม่ๆระหว่างจีนและไต้หวันที่เพิ่มขึ้นนั้น ถือเป็นสัญญาณบวกที่จะช่วยให้เกิดผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจอันเนื่องมาจากความสัมพันธ์ที่อบอุ่นขึ้นกับจีน
บลูมเบิร์กรายงานว่า บริษัท ไชน่า โมบายล์ ได้ตกลงที่จะซื้อหุ้นในบริษัท ฟาร์ อีสโทน เทเลคอมมิวนิเคชั่นส์ ซึ่งเป็นบริษัทที่ทำธุรกิจโทรศัพท์รายใหญ่อันดับ 3 ของไต้หวัน สัดส่วน 12% ทางด้านคณะกรรมการกำกับดูแลการเงินของไต้หวันเปิดเผยว่า จะเริ่มเปิดรับใบสมัครจากนักลงทุนสถาบันจีนที่ต้องการซื้อหุ้นของไต้หวัน
ทั้งนี้ โกลด์แมน แซคส์ ยังได้ยกระดับความน่าเชื่อถือหุ้นฮง ไห่ พรีซิชั่น อินดัสทรี อินดัสทรี ซึ่งเป็นบริษัทผู้ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกรายใหญ่สุดของโลก รวมทั้งหุ้นเอเชีย ซีเมนต์ คอร์ป เป็น "buy" จากเดิมที่ "neutral" โดยให้เหตุผลเรื่องผลประโยชน์จากจีน