ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งสูงขึ้นเมื่อคืนนี้ (4 พ.ค.) ขานรับตัวเลขยอดทำสัญญาซื้อบ้านเพื่อรอปิดการขาย (Pending home sale) และการใช้งบประมาณด้านการก่อสร้างที่ปรับตัวสูงขึ้นกว่าคาดการณ์ในเดือนมี.ค. นับเป็นสัญญาณที่บ่งชี้ว่า เศรษฐกิจสหรัฐที่เคยได้รับผลกระทบอย่างหนักจากวิกฤตเศรษฐกิจนั้น อาจจะเริ่มมีเสถียรภาพกว่าเดิม
สำนักข่าวเอพีรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่งขึ้น 214.33 จุด หรือ 2.6% แตะที่ 8,426.74 จุด ส่วนดัชนี S&P 500 ทะยาน 29.72 จุด หรือ 3.4% แตะที่ 907.24 จุด และดัชนี Nasdaq พุ่ง 44.36 จุด หรือ 2.6% แตะที่ 1,753.56 จุด
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐรายงานว่า ยอดงบประมาณการก่อสร้างเดือนมี.ค.เพิ่มขึ้น 0.3% ซึ่งถือเป็นสถิติที่ดีที่สุด นับตั้งแต่ที่ยอดงบประมาณปรับตัวขึ้นเมื่อเดือนก.ย.ปีที่แล้ว
ขณะที่สมาคมนายหน้าซื้อขายอสังหาริมทรัพย์เปิดเผยว่า ยอดการทำสัญญาซื้อบ้านเพื่อรอปิดการขายในเดือนมี.ค.สูงขึ้น 3.2% แตะ 84.6 จุด ซึ่งถือเป็นตัวเลขที่ปรับตัวขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 หลังจากที่ดิ่งลงอย่างหนักเมื่อเดือนม.ค.ที่ผ่านมา
นักเศรษฐศาสตร์มองว่า ข้อมูลดังกล่าวทำให้เกิดความหวังขึ้นมาว่า ธุรกิจก่อสร้างอาจจะกำลังฟื้นตัว แม้ว่าตัวเลขจะยังอยู่ในระดับที่ต่ำมากก็ตาม
เดวิด เคลลี หัวหน้านักวิเคราะห์ของเจพีมอร์แกน ฟันด์ กล่าวว่า ข่าวเศรษฐกิจที่ดีกว่าคาดการณ์แต่ละชิ้นช่วยคลายความวิตกกังวลเรื่องเศรษฐกิจถดถอยจะดำดิ่งลงมากกว่าเดิม
เอียน เชฟเฟอร์สัน หัวหน้านักเศรษฐศาสตร์สหรัฐจากไฮท์ ฟรีเควนซี อิโคโนมิคส์ กล่าวว่า สถานการณ์ตอนนี้ดูเหมือนว่าจะแย่น้อยลงกว่าช่วงที่ผ่านมา
อย่างไรก็ดี นักเศรษฐศาสตร์เตือนว่า การดีดตัวขึ้นของงบประมาณการก่อสร้างอาจจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น เมื่อพิจารณาจากปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้นในธุรกิจนี้ เนื่องจากวิกฤตการเงินทำให้กลุ่มผู้ก่อสร้างเข้าถึงเงินทุนลำบาก โดยยอดการใช้งบประมาณกับโครงการที่อยู่อาศัยของเอกชนร่วงลง 4.2% ในเดือนมี.ค. ส่วนยอดการก่อสร้างโครงการที่ไม่เกี่ยวกับที่อยู่อาศัยเพิ่มขึ้น 2.7% ในเดือนมี.ค. ซึ่งถือเป็นสถิติการขยายตัวที่สูงที่สุดในรอบ 9 เดือนเลยทีเดียว ส่วนใหญ่จะเป็นโครงการก่อสร้างสำนักงาน โรงแรม และโรงงานผลิตพลังงาน
หุ้นกลุ่มบริษัทรับสร้างบ้านปรับตัวขึ้นขานรับข่าวดังกล่าว โดยหุ้นเลนนาร์ทะยาน 9.3% ส่วนหุ้นโทลล์ บราเธอร์ส พุ่ง 6.5%หุ้นกลุ่มแบงค์ดีดตัวขึ้นเช่นกันก่อนที่จะมีการเปิดเผยผลการตรวจสอบสถานภาพและประสิทธิภาพทางการเงินขององค์กรในวันพฤหัสบดีที่จะถึงนี้ โดยหุ้นเวลส์ ฟาร์โก ทะยาน 24%