โบรกฯ หนุน"ซื้อ"PTTEP รอกำไรสุทธิปี 53 โตพรวดจากแหล่งออสเตรเลีย

ข่าวหุ้น-การเงิน Tuesday May 12, 2009 14:03 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ 5 รายแนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม(PTTEP)มองกำไรสุทธิปี 53 จะโตโดดเด่น จากปี 52 ที่กำไรยังไม่ฟื้นตัวดีนักจากราคาขายลดลง ขณะที่ปีหน้าจะมีรายได้จากแหล่งใหม่ในออสเตรเลียเข้ามาด้วย ทำให้โบรกเกอร์หลายรายปรับราคาพื้นฐานขึ้นมา อย่างไรก็ดี มองว่าราคาหุ้นขณะนี้สูงแล้ว บางรายจึงแนะให้รอซื้อเมื่อราคาอ่อนตัว

ราคาปิด PTTEP ช่วงเช้าที่ 116 บาท ลบ 1.00 บาท

          โบรกเกอร์          คำแนะนำ     ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
          บล.เอเซียพลัส         ซื้อ              130.01
          บล.โกลเบล็ก          ซื้อลงทุน          130.00
          บล.เกียรตินาคิน        ซื้อลงทุน          128.00
          บล.ฟิลลิป             ซื้อ              124.00
          บล.สินเอเซีย          ซื้อเมื่ออ่อนตัว      120.00

นายสุกิจ อุดมศิริกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการอาวุโส สถาบันวิจัยนครหลวงไทย กล่าวว่า ไตรมาส 1/52 ปริมาณขายปิโตรเลียมดีกว่าที่คาดไว้ ประกอบกับโมเมนตัมหุ้นดีขึ้นตามตลาด ทำให้ภาพรวมการลงทุนหุ้น PTTEP น่าสนใจขึ้น แต่มองแล้วผลประกอบการของ PTTEP น่าจะฟื้นตัวจริงจังในปีหน้ามากกว่าปีนี้

ดังนั้น จึงมองว่า PTTEP เป็นหุ้นเหมาะลงทุนระยะยาว คือลงทุนถึงปีหน้า ส่วนระยะสั้น ราคาปรับขึ้นมามาสะท้อนเป้าหมายระยะสั้นของเราไปแล้ว แต่ถ้ามองราคาหุ้นพื้นฐานจริงๆ ในระยะยาว ราคาก็อยู่ประมาณ 148 บาท ถือว่าลงทุนได้แต่ต้องถือถึงปีหน้า ซึ่งราคาหุ้นก็ยังมี upside ขณะที่ระยะสั้นมองไว้ 110 บาทราคาได้ทะลุเป้าหมายไปแล้ว แต่ก็อาจจะอ่อนตัวลงมาได้

"ผมอยากให้รอซื้อเมื่อราคาอ่อนตัวมากกว่า เพราะตลาดก็ไม่ได้ถูกแล้ว โอกาสที่ตลาดจะมีการปรับฐานก็มีมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะคิดว่าไม่มีหุ้นตัวไหนที่ขึ้นแล้วไม่มีวันลง ช่วงนี้ราคาหุ้นน่าจะปรับฐาน รอราคาลงมาประมาณ 105-110 บาท น่าจะเป็นกรอบที่เข้าซื้อได้"นายสุกิจ กล่าว

บทวิเคราะห์ บล.โกลเบล็ก คาดผลประกอบการ PTTEP ในระยะสั้นโดยเฉพาะในไตรมาส 2/52 โดยรวมยังถูกกดดันจากการลดลงของราคาก๊าซ อย่างไรก็ตาม คาดว่าผลกระทบดังกล่าวคงจะมีไม่มากนัก เนื่องจากจะมีปริมาณขายที่เริ่มฟื้นตัวจะเข้ามาชดเชยการลดลงของราคา

ส่วนผลประกอบการทั้งปียังคงประมาณการตามเดิม คาดกำไรสุทธิปีนี้ประมาณ 30,886 ล้านบาท ลดลง 26% จากปีก่อน อย่างไรก็ตาม PTTEP จะกลับมามีกำไรสุทธิเติบโตโดดเด่นอีกครั้งในปี 53 เนื่องจากกำลังการผลิตใหม่จะเพิ่มเข้ามาจากแหล่งมอนทาราในออสเตรเลีย ซึ่งเบื้องต้นคาดว่าจะทำให้ PTTEP มีปริมาณขายเพิ่มขึ้นเป็น 300,000 บาร์เรลเทียบเท่าน้ำมันดิบต่อวัน BOED)จาก 240,000 BOED

ปี 53 จึงคาดกำไรสุทธิประมาณ 43,379 ล้านบาท เพิ่มขึ้นถึง 40% จากปี 52 เราจึงปรับคำแนะนำจาก“ถือ"เป็น“ซื้อลงทุน"และปรับใช้ราคาเป้าหมายใหม่เป็นปี 53 ที่ 130 บาท จากเดิม 93 บาท

ส่วนบล.ฟิลลิป(ประเทศไทย) ระบุ ทางฝ่ายฯ ยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 52 ไว้ที่ 29,509.73 ล้านบาท โดยคาดว่าปริมาณการจำหน่ายปิโตรเลียมจะเพิ่มขึ้น 9.6% และใช้สมมุติฐานราคาน้ำมันดิบเดิมที่ 55 เหรียญต่อบาร์เรล แต่ปรับเพิ่มกำไรสุทธิในปี 53 เป็น 40,701 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 37.9%จากปี 52

ทั้งนี้เพราะทางฝ่ายฯ ได้ปรับสมมุติฐานราคาน้ำมันดิบในปี 53 เพิ่มขึ้นเป็น 60 เหรียญต่อบาร์เรลจากเดิมที่ 55 เหรียญต่อบาร์เรล เนื่องจากราคาน้ำมันดิบในช่วงเดือนพฤษภาคมปรับเพิ่มขึ้นเป็น 53.57 เหรียญต่อบาร์เรล ตามการคาดการณ์ความต้องการใช้น้ำมันที่จะมีเพิ่มขึ้น ซึ่งราคาเฉลี่ยดังกล่าวเพิ่มขึ้นมาก หากเทียบกับราคาเฉลี่ย 5 เดือนแรกของปีนี้ที่ 44.29 เหรียญต่อบาร์เรล

นอกจากนี้ ยังมีโอกาสมากที่รายจ่ายลงทุนจะลดลงเนื่องจากค่าอุปกรณ์ต่างๆ ในการขุดเจาะสำรวจและผลิตปิโตรเลียม มีราคาลดต่ำลง สำหรับปริมาณการจำหน่ายเพิ่มขึ้น 24.74% เป็น 299,680 BOED เพราะได้รวมการผลิตน้ำมันในแหล่งมอนทารา โครงการ พีทีทีอีพี ออสตราเลเชีย ที่จะเริ่มผลิตตั้งแต่ปลายปี 2552 ปริมาณการจำหน่าย 35,000 บาร์เรล จึงคาดว่าจะมีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 40,701 ล้านบาท จากประมาณการเดิมที่ 35,548.73 ล้านบาท

หลังจากการปรับเพิ่มของสมมุติฐานราคาน้ำมันดิบในปี 53 เพิ่ม กำไรสุทธิจึงปรับเพิ่มขึ้นด้วย ทางฝ่ายฯ จึงปรับราคาพื้นฐานในปี 2552 เป็น 124 บาทต่อหุ้น จากเดิม 111 บาทต่อหุ้น

ทั้งนี้ กำไรสุทธิในไตรมาส 1/52 เท่ากับ 5,746.26 ล้านบาท ลดลง 35.47%จากไครมาสเดียวกันของปีก่อน และ 15.36% จากไตรมาส 4/51 ซึ่งหลักๆ เป็นเพราะราคาขายผลิตภัณฑ์ลดลงกว่า 23.22% จากปีก่อน เป็นเพราะราคาน้ำมันดิบดูไบปรับลดลงอย่างแรงกว่า 52.9%

ขณะที่ราคาก๊าซปรับตัวเพิ่มขึ้นเป็น US$5.83 ต่อ MMBTU เทียบกับ US$4.95 ต่อ MMBTU ในช่วงไตรมาส 1/51 แต่เนื่องจากรายได้ของ PTTEP มาจากส่วนของก๊าซ 64% และส่วนของน้ำมัน 36% จึงทำให้ราคาขายเฉลี่ยผลิตภัณฑ์ของ PTTEP ปรับตัวลงจาก 48.24 เหรียญต่อ BOE เป็น 37.04 เหรียญต่อ BOE ถึงแม้ว่าปริมาณการจำหน่ายปิโตรเลียมในไตรมาส 1/52 จะเพิ่มขึ้นเป็น 217,194 BOED หรือเพิ่มขึ้น 19.06% จากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน แต่การลดลงของราคาผลิตภัณฑ์เป็นสาเหตุที่ทำให้มาร์จิ้นลดลง


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ