TSTE เล็งปรับบทบาทเป็นโฮลดิ้งในปี 54-55,ใช้ 2 บริษัทลูกสยายปีกธุรกิจ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday May 13, 2009 10:43 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายชลัช ชินธรรมมิตร กรรมการ บมจ.ไทยชูการ์ เทอร์มิเนิ้ล (TSTE) เปิดเผยกับ"อินโฟเควสท์"ว่า บริษัทมีแผนปรับสถานะเป็นบริษัทโฮลดิ้งใน 2-3 ปีข้างหน้า หลังจากโรงกลั่นน้ำมันปาล์มสร้างเสร็จและเดินเครื่องผลิตเชิงพาณิชย์แล้ว

ทั้งนี้ บริษัทมีแผนจะใช้บริษัท ที เอส จี พรอพเพอร์ตี้ จำกัด และ บริษัท ที เอส จี ฟาร์มิล จำกัด ดูแลธุรกิจหลักทั้ง 2 สาย โดย ที เอส จี พรอพเพอร์ตี้ จะทำหน้าที่ดูแลธุรกิจน้ำมันปาล์ม ขณะที่ ที เอส จี ฟาร์มิลล์ จะดูแลธุรกิจแป้งสาลี และมองหาธุรกิจเกี่ยวเนื่องในอนาคต

"เราคงจะดูว่าวันข้างหน้าธุรกิจที่ลงทุนไปแล้วคือ แป้งข้าวสาลี ที่ยอดขายและขนาดของธุรกิจโตพอที่จะแตกออกไปได้มั้ย รวมถึงธุรกิจใหม่คือน้ำมันปาล์มด้วย แล้วไทยชูการ์ เทอร์มิเนิ้ล ก็อาจจะทำหน้าที่เป็นโฮลดิ้ง คือให้ลูกโต แตกตัวออกไป ตอนนี้บริษัทลูกเรา Activity เยอะ"นายชลัช กล่าว

อย่างไรก็ตาม บริษัทอาจจะไม่มีความจำเป็นต้องย้ายหมวดการซื้อขาย โดยมองว่าการเป็นโฮลดิ้งจะอยู่ในหมวดไหนก็ได้ อีกทั้งมองว่าหากวันข้างหน้าตัวธุรกิจน้ำมันปาล์มดีจริงๆ ก็มีความเป็นไปได้ที่อาจจะแยกบริษัทออกไปจดทะเบียนเป็นมหาชนอีกบริษัทหนึ่งเพื่อเข้าตลาดหุ้นในหมวดพลังงาน

สำหรับความคืบหน้าโรงกลั่นน้ำมันปาล์ม บริเวณท่าเทียบเรือ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการนั้น นายชลัช กล่าวว่า ล่าสุดเพิ่งลงเสาเข็ม คาดว่าจะเริ่มผลิตได้ตามกำหนดคือประมาณปลายปี 52 หรือภายในไตรมาส 1/53 โดยโรงกลั่นน้ำมันปาล์มจะคุ้มทุนภายใน 5 ปี ตั้งเป้าผลตอบแทนจากการลงทุน(IRR)ไม่ต่ำกว่า 15%

หลังโรงกลั่นน้ำมันปาล์มเสร็จสมบูรณ์แล้ว TSTE คงจะชะลอการลงทุนไปสักระยะหนึ่ง เพื่อรอเก็บเกี่ยวผลประโยชน์จากบรรดาบริษัทลูกให้เต็มที่ก่อน ล่าสุดที่ประชุมคณะกรรมการบริษัทเพิ่งจะมีมติให้เพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นในบริษัท ที เอส จี พรอพเพอร์ตี้ จำกัด เป็น 94.31% จากเดิม 62.07% ขณะที่ในส่วนของบริษัท ที เอส จี ฟาร์มิล จำกัดนั้น ปัจจุบัน TSTE ถือหุ้นอยู่ประมาณ 80-90% ถือว่าเพียงพอที่จะขับเคลื่อนธุรกิจได้แล้ว

"ทุกบริษัทที่เราเตรียมพร้อมไว้นี้ครบหมดเรียบร้อยแล้ว ไม่ต้องเพิ่มอะไรแล้ว รอเงินปันผลจากบริษัทลูกอย่างเดียวแล้ว อย่างไรก็ตามยอมรับว่าการทำธุรกิจใหม่ต้องมีค่าใช้จ่าย มีการคืนหนี้แบงก์เพราะเงินลงทุนในโรงกลั่นน้ำมันปาล์มประมาณ 400 ล้านบาท โดย 200 ล้านบาทมาจากการเพิ่มทุนปีที่แล้วเพื่อนำมาลงทุนในที เอส จี พรอพเพอร์ตี้ ที่เหลือมาจากการกู้"นายชลัช กล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ