ตลาดหุ้นนิวยอร์กและลอนดอนมีแนวโน้มดีดตัวขึ้น ท่ามกลางความเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ประกอบการบริษัทเอกชนที่เริ่มหาลู่ทางนำบริษัทเข้าจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นมากขึ้น หลังจากที่ตลาดเงินเริ่มมีเสถียรภาพและบริษัทต่างๆพากันระดมทุนเพิ่มเติม
ดันแคน นีเดอร์เราเออร์ ซีอีโอของ NYSE Euronext กล่าวว่า "ขณะนี้เราเริ่มมองเห็นถึงกระแสเงินหมุนเวียนในบริษัทที่มีอยู่ค่อนข้างมาก ขณะที่ระดับอุปสงค์ก็มีอยู่สูง นอกจากนี้บริษัทที่หาลู่ทางเข้ามาจดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นก็อยู่ในข่ายที่ดี ซึ่งการนำบริษัทเข้าจดทะเบียนจะช่วยให้การดำเนินธุรกิจฟื้นตัวไปพร้อมๆกับตลาดเงิน"
ทั้งนี้ NYSE Euronext ผู้ประกอบการตลาดหลักทรัพย์รายใหญ่ที่สุดในโลก และคู่แข่งอย่าง LSE, Nasdaq OMX Group Inc., Deutsche Boerse AG ต่างมีปริมาณหุ้นที่ลดลงอันเป็นผลสืบเนื่องจากวิกฤตการเงินครั้งเลวร้ายที่สุดนับตั้งแต่ยุคเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ (Great Depression) ที่ส่งผลกระทบให้เทรดเดอร์พากันปลีกตัวออกนอกตลาด
"หากบรรยากาศการซื้อขายในตลาดมีแนวโน้มดีขึ้น และบริษัทจีนมองหาทางขยายธุรกิจในตลาดสหรัฐเพิ่มเติม ผมก็เชื่อว่าเราจะเป็นตลาดที่มีบริษัทจดทะเบียนซื้อขายมากที่สุด" ซีอีโอของ NYSE Euronext กล่าว
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ปิโตรไชน่า โค ผู้ผลิตน้ำมันรายใหญ่ที่สุดของจีนและไชน่า โมบายล์ ลิมิเต็ด บริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์รายใหญ่ที่สุดของโลกในแง่มูลค่าการตลาดเป็นหนึ่งในบริษัทจีนที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์ก