PDI คงคาดรายได้ปี 52 ลดจากปีก่อน ราคาเฉลี่ยสังกะสียังต่ำ-ทิศทางไม่ชัด

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday June 12, 2009 16:33 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ผาแดงอินดัสทรี(PDI)ยังคงคาดว่ารายได้ในปี 52 จะลดลงจากปีก่อน ภายใต้ปริมาณขายทรงตัวที่ 1.1 แสนตัน เนื่องจากระดับราคาเฉลี่ยสังกะสีในช่วงครึ่งแรกของปียังต่ำกว่าปีก่อนที่อยู่ในระดับ 1,875 เหรียญฯ/ตัน แม้ว่าราคาสังกะสีในตลาดโลกขณะนี้จะอยู่ในช่วงขาขึ้นและมีแนวโน้มที่ดี แต่ยังเป็นช่วงเริ่มต้นและทิศทางยังไม่ชัดเจน ขึ้นกับภาพรวมเศรษฐกิจที่เป็นปัจจัยหลักต่อความต้องการสังกะสีในช่วงครึ่งปีหลัง

นายชิดชัย ทวีพานิช ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายทรัพยากรบุคคลและบริหารงานกลาง PDI กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"ว่า แนวโน้มราคาสังกะสีตลาดโลกปรับขึ้นก็น่าจะส่งผลดีต่อบริษัท เพราะราคาขายก็เป็นตัวบ่งบอกถึงรายได้ของบริษัท แต่การปรับตัวขึ้นมาของราคาสังกะสีโลกยังเพิ่งอยู่ในระยะเริ่มต้น คงต้องรอดูสถานการณ์ในช่วงต่อไปก่อน

"รายได้รวมปีนี้ ถ้าดู ณ ขณะนี้ถ้าราคาตลาด LME เป็นตัวเฉลี่ยในช่วงเดียวกันก็ยังน้อยกว่า เพราะขึ้นอยู่กับราคาที่เทียบเคียงกัน ส่วนครึ่งปีหลังจะเป็นอย่างไรก็ต้องรอดูยังไม่สามารถในการที่จะประมาณการได้"นายชิดชัย กล่าว

PDI แจ้งผลประกอบการปี 51 มีกำไรสุทธิ 265 ล้านบาทลดลงจากปี 50 ขณะที่มีรายได้จากการขายและบริการรวม 8,142 ล้านบาท ลดลงเช่นกัน เนื่องจากราคาสังกะสีปรับลดลงมามาก จากราคาเฉลี่ยที่ 3,242 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันในปี 50

ทั้งนี้ ราคาสังกะสีปัจจุบันเฉลี่ยประจำเดือนมิ.ย.อยู่ที่กว่า 1,500 เหรียญฯ/ตัน และช่วงสัปดาห์นี้ขึ้นไปถึง 1,600 เหรียญฯ/ตัน เป็นอัตราต่อวัน แต่เฉลี่ยทั้งเดือน (10 วัน)ยังอยู่ที่ประมาณ 1,500 กว่าเหรียญฯ/ตัน ส่วนราคาสังกะสีปีที่แล้วทั้งปีเฉลี่ยอยู่ที่ 1875 เหรัยญฯ/ตัน แม้ช่วงสิ้นปี 51 จะลงไปเหลือราว 1,360 เหรียญฯ/ตัน

"ตอนนี้ปรับขึ้นมาประมาณ 1600 กว่าเหรียญฯ ก็ยังไม่ถึงเฉลี่ยของปีที่แล้ว ซึ่งก็คงเป็นเหมือนกันทุกราคาโลหะเพราะทุกอย่างก็ปรับลงมาจากภาวะเศรษฐกิจที่เป็นวิกฤต"นายชิดชัย กล่าว

"ส่วนแนวโน้มจะปรับขึ้นไปอีกหรือไม่คงไม่มีใครทราบ แต่ถ้าขึ้นได้ก็ดีสำหรับเรา ถ้าราคาขึ้นก็แสดงว่าปริมาณความต้องการในตลาดเริ่มมี ก็ฟื้นตัวขึ้นก็ทำให้ราคาสูงขึ้น"นายชิดชัย กล่าว

สำหรับผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2/52 ในขณะนี้ยังไม่สามารถจะประเมินได้ว่าจะพลิกเป็นกำไรตามที่โบรกเกอร์หลายรายได้ประเมินไว้หรือไม่ คงต้องรอให้เห็นราคาสังกะสีทั้งเดือนนี้ก่อน เพราะขณะนี้เพิ่งเข้าสู่ช่วงต้นเดือน มิ.ย.

นายชิดชัย กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าปริมาณขายที่ 1.1 แสนตัน ตามปกติแล้วบริษัทจะสามารถจำหน่ายผลผลิตได้ทั้งหมดที่ผลิตได้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการขายให้กับตลาดในประเทศเป็นหลัก แต่ถ้าตลาดในประเทศชะลอตัวลง บริษัทก็ยังสามารถส่งออกได้ ขณะที่ปริมาณในสต็อกค่อนข้างต่ำ จึงไม่ใช่เป็นตัวหลักที่จะมีผลทำให้เกิดการขาดทุนหรือกำไรมากนัก

"เราผลิตได้จำนวนเท่าไรก็ยังสามารถในการขายได้ โดยปีนี้ตั้งเป้าปริมาณขายที่ 1.1 แสนตัน เต็มที่กำลังการผลิตทุกๆ ปีก็ค่อนข้างจะใกล้เคียงกัน ส่วนสต็อกตอนนี้ไม่มีเราสต็อกต่ำมาก เรามีเท่าไหร่ก็ขายได้หมด เพราะฉะนั้น low สต็อกมาก สต็อกไม่ได้เป็นตัวขาดทุนอะไร เพราะเป็นเรื่องของต้นทุนที่ carry ไป"นายชิดชัย กล่าว

ปัจจุบัน สัดส่วนวัตถุดิบจากเหมืองในประเทศอยู่ที่ประมาณ 50% และนำเข้าประมาณ 50%

ส่วนทิศทางความต้องการสังกะสีครึ่งปีหลังยังประเมินไม่ได้ เพราะขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม รวมถึงประเทศที่บริษัททำการส่งออกไป ทั้งแถบอาเซียน มาเลเซีย เวียดนาม สืงคโปร์ ฮ่องกง และ ไต้หวัน

*ไม่ชะลอสำรวจเหมืองใหม่ในตปท.แต่รอจังหวะลงทุนที่เหมาะสม

นายชิดชัย กล่าวว่า บริษัทยังคงเดินหน้าการสำรวจเหมืองใหม่ ๆ ในต่างประเทศทั้งในลาว เวียดนาม และ พม่า แม้ว่าจะยังไม่มีการลงทุนในเร็ว ๆ นี้ แต่ทุกอย่างยังเป็นไปตามแผนงานที่จะพัฒนาขึ้นในระยะเวลาที่ได้มีการวางแผนไว้ ส่วนจะได้เห็นปีนี้หรือไม่ คงยังตอบไม่ได้เพราะมีอีกหลายปัจจัย

"เราอยากให้เกิดแต่ถ้าเราไปลงทุนต่างประเทศก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขหลักเกณฑ์ของแต่ประเทศด้วย ตัวบริษัทอยากจะให้เกิดโดยเร็วชัดเจน"นายชิดชัย กล่าว

ในด้านงบลงทุนของบริษัทปีนี้ยังคงให้ความสำคัญกับการสำรวจแร่ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหลักที่จะทำให้ธุรกิจของบริษัทอยู่รอดได้ในระยะยาว แต่จะยังไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่อื่น ๆ เพราะในภาวะเศรษฐกิจขณะนี้คงไม่มีใครกล้าหากไม่ได้มีโครงการที่ดำเนินการไว้แล้วก็คงยังไม่คิดที่จะขยายงาน ทั้งนี้เพื่อพยายามรักษากระแสเงินสดไว้ ซึ่งขณะนี้ถือว่า PDI มีความมั่นคงทางด้านกระแสเงินสดพอสมควร ขณะเดียวกันบริษัทก็พยายามปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานและลดต้นทุนด้วย

"ผู้ถือหุ้นใหญ่ก็ยังไม่มีโครงการอะไรเพิ่มเติมในตอนนี้ แต่เราก็ต้องปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานลดต้นทุน มีกระแสเงินสดไว้ รอจังหวะที่เศรษฐกิจพลิกฟื้น"นายชิดชัย กล่าว

*มองหุ้นขยับขึ้นตามกระแสสินค้า commodity ทั่วโลก

นายชิดชัย กล่าวว่า ราคาหุ้น PDI ที่ปรับตัวขึ้นมาในขณะนี้ เป็นไปตามภาวะตลาดรวมที่มีการเก็งกำไรในสินค้า commodity ทั่วโลก ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการคาดการณ์ว่าความต้องการในตลาดโลกน่าจะดีขึ้น ส่งผลให้ราคาหุ้น PDI ปรับขึ้นไปเรื่อยๆ เช่นเดียวกับหุ้นในกลุ่มพลังงาน ซึ่งทำให้เกิดความเชื่อมั่นสำหรับผู้ถือหุ้นและนักลงทุน

"PDI ปรับขึ้นไปในระยะเวลาสัปดาห์กว่าๆ ถ้าดูหุ้นที่เป็นหุ้นพลังงาน หุ้น commodity ทุกตัวขึ้นหมด และหุ้นตัวใหญ่ก็ขึ้นเยอะอย่าง PTT มองว่าราคา commodity ในตลาดโลกก็ปรับขึ้น ราคาน้ำมัน ราคาโลหะทุกตัวก็เพิ่มขึ้นก็แสดงว่าเริ่มจะมีดีมานด์ หรือเริ่มมีความเชื่อมั่นในตลาดมากขึ้น"นายชิดชัย กล่าว

ราคาหุ้น PDI ล่าสุดอยู่ที่ 15.50 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง โดยเปิดเทรดวันนี้ที่ 15.90 บาท ปรับตัวขึ้นไปสูงสุดที่ 16.00 บาท และต่ำสุดที่ 15.40 บาท


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ