บมจ.ผาแดงอินดัสทรี(PDI)ยังคงคาดว่ารายได้ในปี 52 จะลดลงจากปีก่อน ภายใต้ปริมาณขายทรงตัวที่ 1.1 แสนตัน เนื่องจากระดับราคาเฉลี่ยสังกะสีในช่วงครึ่งแรกของปียังต่ำกว่าปีก่อนที่อยู่ในระดับ 1,875 เหรียญฯ/ตัน แม้ว่าราคาสังกะสีในตลาดโลกขณะนี้จะอยู่ในช่วงขาขึ้นและมีแนวโน้มที่ดี แต่ยังเป็นช่วงเริ่มต้นและทิศทางยังไม่ชัดเจน ขึ้นกับภาพรวมเศรษฐกิจที่เป็นปัจจัยหลักต่อความต้องการสังกะสีในช่วงครึ่งปีหลัง
นายชิดชัย ทวีพานิช ผู้อำนวยการอาวุโส ฝ่ายทรัพยากรบุคคลและบริหารงานกลาง PDI กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"ว่า แนวโน้มราคาสังกะสีตลาดโลกปรับขึ้นก็น่าจะส่งผลดีต่อบริษัท เพราะราคาขายก็เป็นตัวบ่งบอกถึงรายได้ของบริษัท แต่การปรับตัวขึ้นมาของราคาสังกะสีโลกยังเพิ่งอยู่ในระยะเริ่มต้น คงต้องรอดูสถานการณ์ในช่วงต่อไปก่อน
"รายได้รวมปีนี้ ถ้าดู ณ ขณะนี้ถ้าราคาตลาด LME เป็นตัวเฉลี่ยในช่วงเดียวกันก็ยังน้อยกว่า เพราะขึ้นอยู่กับราคาที่เทียบเคียงกัน ส่วนครึ่งปีหลังจะเป็นอย่างไรก็ต้องรอดูยังไม่สามารถในการที่จะประมาณการได้"นายชิดชัย กล่าวPDI แจ้งผลประกอบการปี 51 มีกำไรสุทธิ 265 ล้านบาทลดลงจากปี 50 ขณะที่มีรายได้จากการขายและบริการรวม 8,142 ล้านบาท ลดลงเช่นกัน เนื่องจากราคาสังกะสีปรับลดลงมามาก จากราคาเฉลี่ยที่ 3,242 ดอลลาร์สหรัฐต่อตันในปี 50
ทั้งนี้ ราคาสังกะสีปัจจุบันเฉลี่ยประจำเดือนมิ.ย.อยู่ที่กว่า 1,500 เหรียญฯ/ตัน และช่วงสัปดาห์นี้ขึ้นไปถึง 1,600 เหรียญฯ/ตัน เป็นอัตราต่อวัน แต่เฉลี่ยทั้งเดือน (10 วัน)ยังอยู่ที่ประมาณ 1,500 กว่าเหรียญฯ/ตัน ส่วนราคาสังกะสีปีที่แล้วทั้งปีเฉลี่ยอยู่ที่ 1875 เหรัยญฯ/ตัน แม้ช่วงสิ้นปี 51 จะลงไปเหลือราว 1,360 เหรียญฯ/ตัน
"ตอนนี้ปรับขึ้นมาประมาณ 1600 กว่าเหรียญฯ ก็ยังไม่ถึงเฉลี่ยของปีที่แล้ว ซึ่งก็คงเป็นเหมือนกันทุกราคาโลหะเพราะทุกอย่างก็ปรับลงมาจากภาวะเศรษฐกิจที่เป็นวิกฤต"นายชิดชัย กล่าว"ส่วนแนวโน้มจะปรับขึ้นไปอีกหรือไม่คงไม่มีใครทราบ แต่ถ้าขึ้นได้ก็ดีสำหรับเรา ถ้าราคาขึ้นก็แสดงว่าปริมาณความต้องการในตลาดเริ่มมี ก็ฟื้นตัวขึ้นก็ทำให้ราคาสูงขึ้น"นายชิดชัย กล่าวสำหรับผลประกอบการในช่วงไตรมาส 2/52 ในขณะนี้ยังไม่สามารถจะประเมินได้ว่าจะพลิกเป็นกำไรตามที่โบรกเกอร์หลายรายได้ประเมินไว้หรือไม่ คงต้องรอให้เห็นราคาสังกะสีทั้งเดือนนี้ก่อน เพราะขณะนี้เพิ่งเข้าสู่ช่วงต้นเดือน มิ.ย.
นายชิดชัย กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทตั้งเป้าปริมาณขายที่ 1.1 แสนตัน ตามปกติแล้วบริษัทจะสามารถจำหน่ายผลผลิตได้ทั้งหมดที่ผลิตได้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นการขายให้กับตลาดในประเทศเป็นหลัก แต่ถ้าตลาดในประเทศชะลอตัวลง บริษัทก็ยังสามารถส่งออกได้ ขณะที่ปริมาณในสต็อกค่อนข้างต่ำ จึงไม่ใช่เป็นตัวหลักที่จะมีผลทำให้เกิดการขาดทุนหรือกำไรมากนัก
"เราผลิตได้จำนวนเท่าไรก็ยังสามารถในการขายได้ โดยปีนี้ตั้งเป้าปริมาณขายที่ 1.1 แสนตัน เต็มที่กำลังการผลิตทุกๆ ปีก็ค่อนข้างจะใกล้เคียงกัน ส่วนสต็อกตอนนี้ไม่มีเราสต็อกต่ำมาก เรามีเท่าไหร่ก็ขายได้หมด เพราะฉะนั้น low สต็อกมาก สต็อกไม่ได้เป็นตัวขาดทุนอะไร เพราะเป็นเรื่องของต้นทุนที่ carry ไป"นายชิดชัย กล่าวปัจจุบัน สัดส่วนวัตถุดิบจากเหมืองในประเทศอยู่ที่ประมาณ 50% และนำเข้าประมาณ 50%
ส่วนทิศทางความต้องการสังกะสีครึ่งปีหลังยังประเมินไม่ได้ เพราะขึ้นอยู่กับสภาพเศรษฐกิจของประเทศโดยรวม รวมถึงประเทศที่บริษัททำการส่งออกไป ทั้งแถบอาเซียน มาเลเซีย เวียดนาม สืงคโปร์ ฮ่องกง และ ไต้หวัน
*ไม่ชะลอสำรวจเหมืองใหม่ในตปท.แต่รอจังหวะลงทุนที่เหมาะสม
นายชิดชัย กล่าวว่า บริษัทยังคงเดินหน้าการสำรวจเหมืองใหม่ ๆ ในต่างประเทศทั้งในลาว เวียดนาม และ พม่า แม้ว่าจะยังไม่มีการลงทุนในเร็ว ๆ นี้ แต่ทุกอย่างยังเป็นไปตามแผนงานที่จะพัฒนาขึ้นในระยะเวลาที่ได้มีการวางแผนไว้ ส่วนจะได้เห็นปีนี้หรือไม่ คงยังตอบไม่ได้เพราะมีอีกหลายปัจจัย
"เราอยากให้เกิดแต่ถ้าเราไปลงทุนต่างประเทศก็ขึ้นอยู่กับเงื่อนไขหลักเกณฑ์ของแต่ประเทศด้วย ตัวบริษัทอยากจะให้เกิดโดยเร็วชัดเจน"นายชิดชัย กล่าวในด้านงบลงทุนของบริษัทปีนี้ยังคงให้ความสำคัญกับการสำรวจแร่ ซึ่งจะเป็นปัจจัยหลักที่จะทำให้ธุรกิจของบริษัทอยู่รอดได้ในระยะยาว แต่จะยังไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่อื่น ๆ เพราะในภาวะเศรษฐกิจขณะนี้คงไม่มีใครกล้าหากไม่ได้มีโครงการที่ดำเนินการไว้แล้วก็คงยังไม่คิดที่จะขยายงาน ทั้งนี้เพื่อพยายามรักษากระแสเงินสดไว้ ซึ่งขณะนี้ถือว่า PDI มีความมั่นคงทางด้านกระแสเงินสดพอสมควร ขณะเดียวกันบริษัทก็พยายามปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานและลดต้นทุนด้วย
"ผู้ถือหุ้นใหญ่ก็ยังไม่มีโครงการอะไรเพิ่มเติมในตอนนี้ แต่เราก็ต้องปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงานลดต้นทุน มีกระแสเงินสดไว้ รอจังหวะที่เศรษฐกิจพลิกฟื้น"นายชิดชัย กล่าว*มองหุ้นขยับขึ้นตามกระแสสินค้า commodity ทั่วโลก
นายชิดชัย กล่าวว่า ราคาหุ้น PDI ที่ปรับตัวขึ้นมาในขณะนี้ เป็นไปตามภาวะตลาดรวมที่มีการเก็งกำไรในสินค้า commodity ทั่วโลก ซึ่งส่วนหนึ่งมาจากการคาดการณ์ว่าความต้องการในตลาดโลกน่าจะดีขึ้น ส่งผลให้ราคาหุ้น PDI ปรับขึ้นไปเรื่อยๆ เช่นเดียวกับหุ้นในกลุ่มพลังงาน ซึ่งทำให้เกิดความเชื่อมั่นสำหรับผู้ถือหุ้นและนักลงทุน
"PDI ปรับขึ้นไปในระยะเวลาสัปดาห์กว่าๆ ถ้าดูหุ้นที่เป็นหุ้นพลังงาน หุ้น commodity ทุกตัวขึ้นหมด และหุ้นตัวใหญ่ก็ขึ้นเยอะอย่าง PTT มองว่าราคา commodity ในตลาดโลกก็ปรับขึ้น ราคาน้ำมัน ราคาโลหะทุกตัวก็เพิ่มขึ้นก็แสดงว่าเริ่มจะมีดีมานด์ หรือเริ่มมีความเชื่อมั่นในตลาดมากขึ้น"นายชิดชัย กล่าวราคาหุ้น PDI ล่าสุดอยู่ที่ 15.50 บาท ไม่เปลี่ยนแปลง โดยเปิดเทรดวันนี้ที่ 15.90 บาท ปรับตัวขึ้นไปสูงสุดที่ 16.00 บาท และต่ำสุดที่ 15.40 บาท