นายปกรณ์ มาลากุล ณ อยุธยา ประธานคณะกรรมการตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ปฏิเสธกระแสข่าวความขัดแย้งภายในของผู้บริหารระดับสูงเกี่ยวกับการวาระการดำรงตำแหน่งของผู้บริหารระดับรองผู้จัดการ 3 คน โดยนายปกรณ์ ยืนยันว่า ทั้งหมดเป็นแค่เรื่องเข้าใจผิด อนึ่ง ประเด็นดังกล่าวเกิดขึ้นจากมติของที่ประชุมคณะกรรมการ ตลท.ครั้งที่ผ่านมาที่เห็นชอบให้ต่อวาระการดำรงตำแหน่งรองผู้จัดการ 3 ตำแหน่งที่จะครบสัญญาการจ้างงานสิ้นปีนี้ออกไปอีก 4 ปี ประกอบด้วย นางสาวโสภาวดี เลิศมนัสชัย, นางนงราม วงษ์วานิช และนายสิทธิชัย จิตรวาณิช ขณะที่มีความพยายามของบางฝ่ายในตลท.ที่คัดค้าน และเสนอให้แต่งตั้งผู้บริหารทั้ง 3 ไปเป็นที่ปรึกษา ตลท.แทน
นายปกรณ์ กล่าวว่า กระแสข่าวที่เกิดขึ้นน่าจะมาจากเรื่องที่นางภัทรียา เบญจพลชัย กรรมการและผู้จัดการ ตลท.จะครบวาระการดำรงตำแหน่งในช่วงกลางปี 53 ซึ่งนางภัทรียาเองก็ไม่ได้มีเจตจำนงที่จะขอต่อวาระ เพื่อแสดงให้เห็นมีความโปร่งใส แต่คณะกรรมการสรรหามองว่าเป็นเรื่องที่เร็วเกินไปที่จะพิจารณาในขณะนี้
"ผมอยากให้ทุกคนเข้าใจและให้ความเป็นธรรมกับคุณหนุ่ย(ภัทรียา)ต่อเรื่องที่เกิดขึ้นว่าคุณหนุ่ยมีความโปร่งใสที่เพียงพอ และไม่อยากให้ตีความว่าคุณหนุ่ยอยากจะต่อสัญญา ทั้งๆ ที่ของตัวเองก็จะครบวาระเหมือนกัน อยากให้ผู้บริหารและพนักงานทุกคนร่วมใจกันทำงานในการเตรียมความพร้อมเพื่อรองรับการแปรรูปตลาด ระฆังยังไม่ทันได้เริ่มเลย" นายปกรณ์ กล่าว
ส่วนกรณีมีความคิดเห็นขัดแย้งเกี่ยวกับการแปรรูปตลาดหลักทรัพย์ฯ นายปกรณ์ มองว่าเป็นเรื่องปกติ แต่ ณ ขณะนี้เรื่องของการแปรรูปยังไม่จบ เพราะจะต้องดำเนินขั้นตอนในการแก้ไขกฎหมายก่อนจึงจะสามารถแปรสภาพได้
สำหรับจำนวนพนักงานของตลท.ที่เป็นเรื่องหนึ่งที่จะต้องจัดการให้มีความเหมาะสมในการแปรรูป ตลท.นั้น นายปกรณ์ ยอมรับว่า มีพนักงานที่จะลาออกรวม 143 คน แต่ไม่ได้เป็นการบังคับให้ลาออก โดยเป็นพนักงานเข้าโครงการเออร์ลี่รีไทร์ จำนวน 98 คน และเป็นการออกตามสัญญาว่าจ้างอีก 45 คน ซึ่งตลท.จะใช้เงินเพื่อจ่ายชดเชยตามกฎหมายทั้งหมดราว 180 ล้านบาท
การเปลี่ยนแปลงดังกล่าวจะทำให้จำนวนพนักงานของ ตลท.ลดลงเหลือ 800 กว่าคน จาก 950 คน