นักวิเคราะห์ในย่านวอลล์สตรีทคาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กมีแนวโน้มอ่อนตัวลงในสัปดาห์นี้ เนื่องจากความวิตกกังวลเกี่ยวกับอัตราว่างงาน และตัวเลขการออมเงินส่วนบุคคลที่มีอยู่มากกว่าตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภค ซึ่งข้อมูลดังกล่าวทำให้นักลงทุนมองว่าความหวังที่เศรษฐกิจสหรัฐจะฟื้นตัวขึ้นนั้นยังอีกยาวไกล
บรูซ แมคเคน หัวหน้านักวิเคราะห์จาก Key Private Bank ในเมืองคลีฟแลนด์กล่าวกับสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กมีแนวโน้มซบเซาในสัปดาห์นี้ หลังจากกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการใช้จ่ายผู้บริโภคประจำเดือนพ.ค.ปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.3% ซึ่งสอดคล้องกับที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ไว้ แต่อัตราการออมส่วนบุคคลพุ่งขึ้นแตะระดับ 6.9% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 15 ปี และรายได้ส่วนบุคคลเพิ่มขึ้น 1.4% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่าจะขยับขึ้นเพียง 0.3%
นักวิเคราะห์มองว่าอัตราการออมส่วนบุคคลที่เพิ่มขึ้นเป็นผลดีต่อการพัฒนาเศรษฐกิจในระยะยาว แต่อาจทำให้หลายฝ่ายกังวลว่าหากผู้บริโภคมีการออมมากกว่าการใช้จ่าย ก็อาจขัดขวางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจได้ นอกจากนี้ นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (จีดีพี) ของสหรัฐจะเริ่มขยายตัวขึ้นอีกครั้งในช่วงครึ่งหลังของปีนี้ ซึ่งเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยที่สหรัฐเริ่มเผชิญตั้งแต่เดือนธ.ค.ปีพ.ศ.2550 นั้น ได้สิ้นสุดลงแล้ว
นักลงทุนจับตาดูข้อมูลจ้างงานของสหรัฐซึ่งจะมีการเปิดเผยในสัปดาห์นี้ โดยนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าอัตราว่างงานประจำเดือนมิ.ย.ของสหรัฐจะขยับขึ้น 0.2% แตะที่ 9.6% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 26 ปี และคาดว่าตัวเลขจ้างงานนอกภาคการเกษตร (non farm payroll) เดือนมิ.ย.จะร่วงลง 350,000 ตำแหน่ง เมื่อเทียบกับเดือนพ.ค.ที่ลดลง 345,000 ตำแหน่ง
ส่วนข้อมูลเศรษฐกิจอื่นๆที่นักลงทุนให้ความสนใจได้แก่ดัชนีอุตสาหกรรมทั่วประเทศเดือนพ.ค.ซึ่งธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะเปิดเผยในวันทร์ วันอังคารสแตนดาร์ด แอนด์ พัวร์/เคส ชิลเลอร์จะเปิดเผยราคาบ้านเดือนเม.ย. และสำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด จะเปิดเผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐเดือนมิ.ย.
วันพุธ ADP Employer Services จะเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานทั่วประเทศเดือนมิ.ย. และสมาคมนายหน้าอสังหาริมทรัพย์แห่งชาติเปิดเผยยอดทำสัญญาซื้อบ้านที่รอปิดการขาย (pending home sales) เดือนพ.ค.
ส่วนวันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรประจำเดือนมิ.ย. และกระทรวงพาณิชย์สหรัฐจะเปิดเผยยอดสั่งซื้อของโรงงานเดือนพ.ค.