นายนคร ดลศรีชัย กรรมการผู้จัดการ สายงานธุรกิจหลักทรัพย์และตราสารอนุพันธ์ บล.ไอร่า กล่าวในงานเสวนา"เสริมสร้างความมั่งคั่ง ด้วยการลงทุนต่างประเทศ"ว่า บริษัทตั้งเป้าจำนวนลูกค้าที่ไปลงทุนในต่างประเทศ (Global Trading) สิ้นปีนี้ที่ 200-300 รายทั้งลูกค้าเก่าที่เปิดบัญชีอยู่แล้วและลูกค้าใหม่ จากปัจจุบันที่มีลูกค้าแล้วประมาณ 40 ราย
บริษัทเห็นว่าการออกไปลงทุนต่างประเทศ ถือว่าเป็นช่องทางทางเลือกในการลงทุนที่ดี โดยบริษัทฯได้เปิดทางเลือกการลงทุนในต่างประเทศจำนวน 14 ประเทศ ใน 23 ตลาด เช่น สหรัฐฯ ในเอเชีย และแถบยุโรป และอยู่การระหว่างมองประเทศจีนและอินเดีย ซึ่งคาดว่าจะเห็นได้ครึ่งหลังของปีนี้
ผู้ลงทุนสามารถเลือกลงทุนในหลักทรัพย์หลากหลาย ทั้งการซื้อหุ้นรายตัว ลงทุนในพันธบัตรหรือใบสำคัญแสดงสิทธิ์ ลงทุนผ่านกองทุน ETF ในประเทศที่ให้ผลตอบแทนที่ดี ซึ่งบริษัทจะคิดค่านายหน้าสำหรับการลงทุนในตลาดสหรัฐ 0.5% ตลาดเอเชีย 0.4% และตลาดยุโรป 0.3% ภายใต้วงเงินที่เปิดบัญชีขั้นต่ำ 5 แสนบาท/ราย
"เราคิดว่าการเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าโดยการไปลงทุนในต่างประเทศจะทำให้นักลงทุนสามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีขึ้นนอกเหนือจากผลตอบแทนในประเทศและภายใต้ภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนซึ่งที่ผ่านมาเราได้มีการทดสอบการซื้อขายให้กับลูกค้า ซึ่งลูกค้าก็พอใจและเราก็ยังมองประเทศอื่นๆเพิ่มด้วย" นายนคร กล่าวนายนคร เชื่อว่า ธุรกรรมดังกล่าวจะส่งผลให้รายได้และส่วนแบ่งตลาดนายหน้าค้าหลักทรัพย์(มาร์เก็ตแชร์)ของบริษัทปรับเพิ่มขึ้นโดยตั้งเป้ามาร์เก็ตแชร์สิ้นปีนี้ 2.75% จากปีก่อนอยู่ที่ 1% กว่า โดยส่วนใหญ่จะเป็นรายได้ที่มาจากรายย่อยและค่านายหน้าเป็นหลัก แต่อนาคตเชื่อว่าสัดส่วนลูกค้าสถาบันจะเพิ่มขึ้นเป็น 20% ถือว่าสอดคล้องกับเป้าหมายกับที่บริษัทตั้งเป้าไว้ หลังจากที่ได้ใบอนุญาตในการทำธุรกรรม SBL และ Private Fund แล้ว ทั้งนี้ ปัจจุบันบริษัทฯมีบัญชีลูกค้ารวมทั้งหมด 3,000 ราย
ส่วนแผนการเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ก็ยังคงเป็นไปตามเป้าหมายเดิมที่จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ SET ในช่วงปลายปีนี้ ซึ่งเม็ดเงินที่ได้ก็คงจะนำมาใช้ในการปล่อยสินเชื่อเพื่อการซื้อขายหลักทรัพย์มากขึ้น รวมทั้งจะเป็นวงเงินที่ใช้ในการขยายธุรกิจเพื่อรองรับการเปิดเสรีโบรกเกอร์
ด้านนายศุภชัย พิศิษฐวานิช ประธานกรรมการประธานกรรมการ บล.ไอร่า กล่าวว่า การลงทุนในต่างประเทศถือว่ามีความจำเป็นในตอนนี้ภายใต้ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นทั้งในเรื่องของเศรษฐกิจและอัตราแลกเปลี่ยน อย่างประเทศจีนเป็นประเทศที่น่าสนใจเพราะมีอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ(จีดีพี)ค่อนข้างสูง