ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดพุ่งขึ้นแข็งแกร่งเมื่อคืนนี้ (13 ก.ค.) ซึ่งเป็นสถิติที่ปรับตัวขึ้นในวันเดียที่แข็งแกร่งที่สุดในรอบ 6 สัปดาห์ หลังจาก เมเรดิธ วิทนีย์ นักวิเคราะห์ชื่อดังในแวดวงธนาคารของสหรัฐได้ปรับเพิ่มน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ก่อนที่ธนาคารรายใหญ่แห่งนี้จะเปิดเผยผลประกอบการในวันอังคาร ซึ่งข่าวดังกล่าวกระตุ้นนักลงทุนให้เข้าซื้อหุ้นกลุ่มธนาคารอย่างคึกคัก
ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดพุ่ง 185.16 จุด หรือ 2.27% แตะที่ 8,331.68 ขณะที่ดัชนี S&P 500 ปิดบวก 21.92 จุด หรือ 2.49% แตะที่ 901.05 จุด และดัชนี Nasdaq ปิดเพิ่มขึ้น 37.18 จุด หรือ 2.12% แตะที่ 1,793.21 จุด
ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.19 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นบวกมากกว่าหุ้นลบในอัตราส่วน 5 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาด Nasdaq มีอยู่ราว 1.95 พันล้านหุ้น
วิทนีย์แสดงความเห็นต่อสถานีโทรทัศน์ CNBC ว่า หุ้นกลุ่มธนาคารจะ ปรับตัวขึ้นในระยะสั้นอย่างน้อย 15% และบริษัทการเงินรายใหญ่ อาทิ แบงก์ ออฟ อเมริกา คอร์ป, เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และโกลด์แมน แซคส์ซึ่งจะเปิดเผย ผลประกอบการในสัปดาห์นี้นั้น อาจจะมีผลประกอบการที่ดีในไตรมาส 2 นอกจากนี้ วิทนีย์ได้ปรับเพิ่มอันดับความน่าลงทุนหุ้นโกลด์แมน แซคส์เป็น"ซื้อ" ซึ่งหนุนราคาหุ้นพุ่งขึ้น 5.3% ขณะที่ดัชนี S&P หุ้นกลุ่มการเงินพุ่งขึ้น 6.5%
แรนดี้ เฟรดเดอริค นักวิเคราะห์จากบริษัท Charles Schwab กล่าวว่า นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่มองว่า ความเห็นของวิทนีย์ นักวิเคราะห์ของออพเพนเฮเมอร์ แอนด์ โค มีอิทธิพลต่อตลาดหุ้นนิวยอร์กเสมอมา โดยในช่วงต้นปีที่แล้ว ตลาดหุ้นนิวยอร์กดิ่งลงอย่างหนัก วิทนีย์เคยคาดการณ์ไว้ว่า วิกฤตการณ์ในตลาดสินเชื่ออาจยืดเยื้อไปจนถึงปี 2552 หรืออาจจะมากกว่านั้น พร้อมกล่าวว่า สถาบันการเงินรายใหญ่อย่างเจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และซิตี้กรุ๊ป อาจต้องตั้งเงินสำรองไว้สูงถึง 2.5 หมื่นล้านดอลลาร์เมื่อรับมือกับการขาดทุน และคาดว่าในปลายปีหน้าสถาบันการเงินเหล่านี้อาจต้องตั้งเงินสำรองหนี้สูญไว้อีก 1.70 แสนล้านดอลลาร์
ทั้งนี้ ดัชนี KBW Bank Index ซึ่งเป็นดัชนีชี้วัด 24 หุ้นธนาคารยักษ์ใหญ่ พุ่งขึ้น 6.5% หุ้นโกลด์แมน แซคส์ ปิดบวก 5.3% หุ้นแบงค์ ออฟ อเมริกา ปิดพุ่งขึ้น 9.3% นักลงทุนจับตาดูการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 ของภาคเอกชน โดยบริษัทที่คาดว่าจะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้คือ บริษัท เจเนอรัล อิเล็กทริค บริษัท ไอบีเอ็ม บริษัท อินเทล คอร์ป บริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และซิตี้กรุ๊ป