ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดพุ่งขึ้นเมื่อคืนนี้ (13 ก.ค.) เพราะได้รับแรงหนุนจากดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ทะยานขึ้นขานรับการคาดการณ์ในด้านบวกของนักวิเคราะห์ชื่อดังแห่งวงการธนาคาร และมุมมองในด้านบวกที่ว่าผลประกอบการไตรมาสสองของภาคเอกชจะสดใส
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ปิดพุ่ง 74.96 จุด แตะที่ 4,202.13 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 4,096.08-4,209.25 จุด
ตลาดหุ้นลอนดอนได้รับแรงหนุนจากการทะยานขึ้นกว่า 180 ของดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์ก หลังจากเมเรดิธ วิทนีย์ นักวิเคราะห์ชื่อดังในวงการธนาคาร แสดงความเห็นต่อสถานีโทรทัศน์ CNBC ว่า หุ้นกลุ่มธนาคารจะปรับตัวขึ้นในระยะสั้นอย่างน้อย 15% และบริษัทการเงินรายใหญ่ อาทิ แบงก์ ออฟ อเมริกา คอร์ป, เจพีมอร์แกน เชส แอนด์ โค และโกลด์แมน แซคส์ซึ่งจะมีผลประกอบการที่ดีในไตรมาส 2
นอกจากนี้ นักลงทุนจับตาดูการเปิดเผยผลประกอบการไตรมาส 2 ของภาคเอกชน โดยบริษัทที่คาดว่าจะเปิดเผยผลประกอบการในสัปดาห์นี้คือ บริษัท เจเนอรัล อิเล็กทริค บริษัท ไอบีเอ็ม บริษัท อินเทล คอร์ป บริษัท จอห์นสัน แอนด์ จอห์นสัน และซิตี้กรุ๊ป
หุ้นเฟรนด์ส โพรวิเดนท์ซึ่งเป็นบริษัทประกันชีวิตรายใหญ่พุ่งขึ้น 12.6% เพราะได้รับแรงหนุนจากการที่นักลงทุนคาดการณ์ว่าจะมีการปรับปรุงข้อเสนอการซื้อกิจการของเฟรนด์ส โพรวิเดนท์ โดยหุ้นเฟรนด์สเป็นหุ้นที่บวกขึ้นมากที่สุดในดัชนี FTSE 100
ส่วนหุ้นบริติช แอร์เวย์ส ปิดบวก 5.5% หลังจากวิลลี วอล์ช ซีอีโอบริติช แอร์เวย์ส ได้รับเสียงสนับสนุนจากกลุ่มผู้ถือหุ้นในการขายหุ้นบางส่วนเพื่อกระตุ้นเงินทุนหมุนเวียนของบริษัท ขณะที่หุ้นเอ็กสตราต้า ปิดบวก 2.4% หุ้นแองโกล อเมริกัน ปิดบวก 2.7% หุ้นเฮนเดอร์สัน กรุ๊ป ปิดบวก 1.7%