(เพิ่มเติม) SH เผย"ซีฮอร์ส อินเตอร์เทรด" ชนะประมูลธุรกิจอาหาร, เปลี่ยนชื่อธุรกิจ

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday July 23, 2009 11:00 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ. ซีฮอร์ส (SH) แจ้งว่า ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท ครั้งที่ 6/2552 เมื่อวันที่ 22 กรกฎาคม 2552 มีมติอนุมัติให้ขายทรัพย์สินส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจอาหารตามที่บริษัทได้จัดให้มีการยื่นขอเสนอประกวดราคาทรัพย์สินให้แก่บริษัท ซีฮอร์ส อินเตอร์เทรด จำกัด ซึ่งเป็นผู้ที่ได้รับการคัดเลือกให้เป็นผู้ชนะการประกวดราคา ที่ 670 ล้านบาท ซึ่งสูงกว่าราคาตามบัญชี 576.28 ล้านบาท

วิธีการชำระเงินให้ชำระเป็นเงินสดทั้งจำนวน โดยแบ่งออกเป็น ส่วนที่ 1 เท่ากับ 603 ล้านบาท ให้ชำระในวันชำระราคา ส่วนที่ 2 เท่ากับ 67 ล้านบาท ให้ชำระภายใน 90 วัน นับจากวันชำระราคา

ทั้งนี้ บริษัทได้รับมอบหนังสอค้ำประกันของธนาคารจาก SI เป็นจำนวนเงินรวม 30 ล้านบาทแล้ว เพื่อเป็นหลักประกันการเข้าทำสัญญาซื้อขายทรัพย์สินภายในวันที่ 31 กรกฎาคม 2552 โดยบริษัทขอสงวนสิทธิ์ในการยกเลิกการประกวดราคา หรือปฏิเสธการเข้าทำสัญญาซื้อขายทรัพย์สินในกรณีที่ SI ไม่เข้าทำสัญญาซื้อขายทรัพย์สินภายในระยะเวลาที่กำหนดบริษัทจะยกเลิกการประกวดราคา และบังคับหลักประกัน 30 ล้านบาทโดยพิจารณาโอนทรัพย์สินสวนที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจอาหารไปยังบริษัท ซีฮฮร์ส ฟูดส จำกัด (SH ถือหุ้นร้อยละ 100)

มีมติแต่งตั้งบริษัท แคปปิตอล พลัส แอดไวซอรี่ จำกัด ซึ่งเป็นที่ปรึกษาทางการเงินที่ได้รับความเห็นชอบจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เป็นที่ปรึกษาทางการเงินอิสระเพื่อให้ความเห็นต่อผู้ถือหุ้นรายย่อยในการพิจารณาอนุมัติการขายทรัพย์สินส่วนที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจอาหารของบริษัท

สำหรับ บริษัท ซีฮอร์ส อินเตอร์เทรด จำกัด (ซึ่งต่อไปนี้จะเรียกว่า "ผู้ซื้อ" หรือ "SI") มีนายชาตรี มหัทธนาดุลย์ และนายมนตรี มหัทธนาดุลย์ เป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนามของ SI โดยนายชาตรีและ นายมนตรี ปัจจุบันเป็นผู้บริหารและผู้ถือหุ้นของ SH เป็นกรรมการผู้มีอำนาจลงนามและผู้ถือหุ้นของบริษัทย่อยของ SH คือ บริษัท ขอนแก่นคอร์เปอเรชั่น (1990) จำกัด ("KK") (SH ถือหุ้นร อยละ 93) และเป็นอดีตกรรมการของ SH (ลาออกจากตำแหน่งกรรมการบริษัท มีผลตั้งแต่วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2552)

*นำเงินสดไปชำระหนี้สินของธุรกิจอาหาร-เป็นทุนหมุนเวียนธุรกิจในอนาคต

สำหรับผลประโยชน์ที่คาดว่าจะเกิดกับบริษัทจากผลของรายการ เนื่องจากธุรกิจอาหารทำให้บริษัทประสบภาวะขาดทุนอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ปี 2549 ประกอบกับภาวะอุตสาหกรรมอาหารทะเลส่งออกของประเทศไทยมีแนวโน้มที่อัตราการเติบโตจะลดลงและเป็ นอุตสาหกรรมที่มีการแข่งขันสูง หลังจากบริษัทขายทรัพย์สินที่เกี่ยวเนื่องกับธุรกิจอาหารแล้วบริษัทก็จะสามารถหยุดดำเนินธุรกิจอาหาร เพื่อลดผลขาดทุนที่เกิดจากการดำเนินธุรกิจอาหารได้โดยบริษัทจะนำเงินสดที่ได้รับไปชำระหนี้สินของธุรกิจอาหาร รวมถึงนำไปใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนสาหรับใช้ในการดำเนินธุรกิจในอนาคต และบริษัทคาดว่าจะสามารถรับรู้ผลกำไรทางบัญชีจากการขายสินทรัพย์ในครั้งนี้ เนื่องจากราคาขายทรัพย์สินจำนวน 670 ล้านบาทนั้น สูงกว่าราคาตามบัญชี 576.28 ล้านบาท ตามงบการเงินที่ผ่านการสอบทานโดยผู้สอบบัญชีแล้ว ณ วันที่ 31 มีนาคม 2552 ประมาณ 93.72 ล้าบาท

นอกจากนี้ บริษัทจะสามารถหันมามุ่งเน้นในธุรกิจเอทานอลเพียงอย่างเดียว ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีความต้องการพลังงานทดแทนในปริมาณที่สูงกว่ากำลังผลิตภายในประเทศ และแนวโน้มจะยิ่งสูงขึ้นในอนาคตตามแผนของกระทรวงพลังงานในการใช้เอทานอลเป็นพลังงานทดแทนเพื่อลดการนำเข้านํ้มันเชื้อเพลิง ทำให้เป็นโอกาสที่ดีของผู้ผลิตเอทานอลในประเทศไทย การที่บริษัทหันมามุ่งเน้นในธุรกิจเอทานอลเพียงอย่างเดียว จึงเป็นการเพิ่มโอกาสในการสร้างประสทธิภาพในการผลิตและเพิ่มผลกำไรให้กับผู้ถือหุ้นมากขึ้น

ล่าสุด ที่ประชุมคณะกรรมการบริษัท จึงมีมติอนุมัติให้เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น "บริษัท อีเทอเนิล เอนเนอยี จำกัด (มหาชน)" ย้ายที่ตั้งสำนักงานใหญ่เป็น "888 อาคารไอทาวเวอร์ ชั้น 8 ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900"

เวลา 10.24 น. ราคาหุ้น SH อยู่ที่ 0.56 บาท เพิ่มขึ้น 0.02 บาท (+3.70%)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ