ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดบวกเมื่อคืนนี้ (7 ส.ค.) หลังจากที่รัฐบาลสหรัฐเปิดเผยตัวเลขจ้างงานและอัตราว่างงานที่ดีเหนือความคาดหมาย ซึ่งได้ช่วยบดบังรายงานผลประกอบการที่น่าผิดหวังของโรยัล แบงก์ ออฟ สกอตแลนด์ กรุ๊ป
สำนักข่าวบลูเบิร์กรายงาน ดัชนี FTSE 100 ปิดปรับตัวขึ้น 41.03 จุด หรือ 0.9% แตะที่ 4,731.56 จุด หลังจากร่วงถึง 1.2% ในการซื้อขายระหว่างวัน
ทั้งนี้ FTSE 100 ดีดตัวขึ้นแล้ว 35% นับตั้งแต่วันที่ 3 มีนาคม จากกระแสคาดการณ์ว่าจุดตกต่ำสุดของวิกฤตเศรษฐกิจครั้งรุนแรงในรอบหลายสิบปีได้ผ่านพ้นไปแล้ว ขณะบริษัทต่างๆเผยผลประกอบการดีเกินคาด
หุ้นโวดาโฟน กรุ๊ป และ บีพี เป็นแกนนำให้ดัชนีเดินหน้าขึ้นปิดในแดนบวก หลังจากที่กระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตร (nonfarm payroll) ลดลง 247,000 ตำแหน่งในเดือนก.ค. หลังจากที่ร่วงลงถึง 443,000 ในเดือนมิ.ย. ขณะที่อัตราการว่างงานลดลงแตะระดับ 9.4% จากระดับ 9.5% ในเดือนมิ.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงครั้งแรกในรอบ 1 ปี 3 เดือน สวนทางกับการคาดการณ์ว่าอัตราว่างงานจะปรับตัวสูงขึ้นสู่ระดับ 9.6% และนักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะมีแรงงานถูกเลย์ออฟ 320,000 ในเดือนก.ค.
นักวิเคราะห์ชี้ว่า ข้อมูลภาคแรงงานที่คึกคักนี้ถือเป็นสัญญาณที่เด่นชัดของการเริ่มต้นการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่เร็วกว่าที่ได้มีการคาดการณ์กันไว้
อย่างไรก็ตาม หุ้น RBS ร่วงลง หลังจากรายงานผลขาดทุนช่วงครึ่งปีแรก และระบุว่าการด้อยค่าของสินทรัพย์จะยังคงปรับตัวสูงขึ้น
เดวิด โจนส์ จาก ไอจี อินเด็กซ์ ในลอนดอนกล่าวว่า แม้ผลประกอบการพลิกความคาดหมายในเชิงลบของ RBS แต่ข่าวเศรษฐกิจอื่นๆ ยังคงทำให้นักลงทุนมั่นใจได้ว่าเศรษฐกิจกำลังเดินหน้าไปในทิศทางที่เป็นบวก และขณะนี้ นักลงทุนกำลังรอลุ้นดัชนีทดสอบระดับ 5,000 จุด
หุ้นโวดาโฟน บริษัทผู้ให้บริการโทรศัพท์มือถือรายใหญ่สุดของโลก บวก 2.8% หุ้นบีพี บริษัทน้ำมันรายใหญ่อันดับสองของยุโรป บวก 2.1%
หุ้น RBS ดิ่ง 12% ซึ่งเป็นการร่วงลงหนักสุดนับตั้งแต่ 13 พ.ค. หลังจากที่เดินหน้าในช่วง 7 วันที่ผ่านมา โดยธนาคารซึ่งถูกควบคุมโดยรัฐบาลอังกฤษ รายงานผลขาดทุนสุทธิ 1.04 พันล้านปอนด์ (1.74 พันล้านดอลลาร์) ในช่วงครึ่งปีแรก ซึ่งผิดความคาดหมายของนักวิเคราะห์ที่ประเมินว่า ธนาคารจะมีกำไรสุทธิ 1.1 พันล้านปอนด์ ส่วนหุ้นลอยด์ แบงกิ้ง กรุ๊ป ลดลง 2.6%