"สตาร์สฯ" คาดปี52กำไรโต10-15%หลังอิเล็คฯฟื้น-สินค้าใหม่/สรุปราคาIPOสิ้นส.ค.

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday August 10, 2009 16:13 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายประเสริฐ ตันตยาวิทย์ ผู้อำนวยการอาวุโสฝ่ายวาณิชธนกิจ บล.ทิสโก้ ในฐานะที่ปรึกษา การเงิน ของบมจ.สตาร์ส ไมโครอิเล็กทรอนิกส์(ประเทศไทย) เปิดเผยว่า ภายในสัปดาห์หน้าจะโรดโชว์กับนักลงทุนสถาบัน และคาดว่าจะสามารถสรุปราคาได้ในช่วงปลายเดือนส.ค.นี้ และเข้าเทรด ประมาณต้นเดือนก.ย.นี้

โดยเบื้องต้น กระจายหุ้น IPO จำนวน 92 ล้านหุ้น แบ่งเป็นนักลงทุนสถาบัน 50% และ นักลงทุนรายย่อย 50%

นายประเสริฐ เชื่อว่า หุ้นของสตาร์ ไมโครฯ จะเป็นหุ้น IPO ที่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน เนื่องจากเป็นผู้ผลิตสินค้าไฮมาร์จิ้น และ ส่งออก 100%

"เราคงจะต้องดูว่าช่วงที่ โรดโชว์ สถาบันจะตอบรับอย่างไร แล้วค่อยมากำหนดบุ๊คบิวด์ ผมว่าธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์เริ่มมีสัญญาณที่ดี ซึ่งรวมถึงตัวนี้ด้วย เพราะถ้าดู P/E ของหุ้นกลุ่มนี้ โดยเฉพาะรายใหญ่ มี P/E 10-12 เท่า " นายประเสริฐ กล่าว

ทั้งนี้ สตาร์ ไมโครฯ มีรายได้จากผลิตและ ประกอบชิ้นส่วนไมโครอิเล็กทรอกนิกส์ (MMA) สัดส่วน 70% และ 30% เป็นธุรกิจผลิตและทดสอบไอซี ชิป ซึ่งส่วนนี้บริษัทเป็นผู้ประกอบการรายเดียวในไทยที่ลงทุนและพัฒนาผลิตภัณฑ์ร่วมกับลูกค้า รวมทั้งรับจ้างผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์แบบวงจร ซึ่งทำให้บริษัทมีมาร์จิ้นที่ดี

ด้านนายพลศักดิ์ เลิศพุฒิภิญโญ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.สตาร์ ไมโครฯ คาดว่า ในครึ่งปีหลังจะมีรายได้และกำไรจะปรับตัวดีขึ้นกว่าครึงปีแรก เนื่องจากสัญญาณฟื้นตัวของธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ในไตรมาส 2/52 เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/52 ที่ธุรกิจปรับตัวลงไป และในครึ่งปีหลังเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจนี้

ขณะที่ บริษัทมีแผนออกผลิตภัณฑ์ 2 ชนิดในช่วงไตรมาส 4/52 ซึ่งจะส่งผลต่อกำไรปีนี้ เพิ่มขึ้น 10-15% และในปีหน้ากำไรก็จะยังโตต่อเนื่อง โดยคาดว่าจะโต 15%

ส่วนรายได้ในปีนี้ บริษัทคาดว่าจะอยู่ในระดับใกล้เคียงปีก่อนที่ 1.2 หมื่นล้านบาท เนื่องจากในครึ่งปีแรกที่ผ่านมา บริษัทได้รับผลกระทบจากธุรกิจอิเล็กทรอนิกส์ปรับตัวลดลง ส่งผลให้คำสั่งซื้อของบริษัทลดตามไปด้วย

"แม้ว่าครึ่งปีหลัง จะดีขึ้น เป็นช่วงไฮซีซั่น แต่เราก็อยาก maintain รายได้ใกล้เคียงกับปีก่อน แต่แง่ของกำไร ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน เพราะสินค้าใหม่ที่เราออกมีมาร์จิ้นที่ดี"

นอกจากนี้ บริษัทมีแผนที่จะเพิ่มสัดส่วนรายได้จากธุรกิจผลิตและทดสอบไอซี ชิป เป็น 50% ในอีก 2 ปีข้างหน้า ส่วนธุรกิจ MMA ก็ปรับลดสัดส่วนเหลือ 50% เพื่อลดความเสี่ยงจากความผันผวน ขณะเดียวกันบริษัทจะทยอยเพิ่มกำลังการผลิตโดยเฉพาะธุรกิจ ไอซี ชิป มากขึ้น เพื่อรองรับออเดอร์ที่เพิ่มขึ้น โดยคาดว่าจะใช้งบประมาณ 150 ล้านบาท ซี่งไม่เกี่ยวกับเม็ดเงินจากการขายหุ้น IPO ครั้งนี้

นายพลศักดิ์ กล่าวว่า การเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ (SET) เพื่อนำเงินไปใช้เป็นทุนเหมุนเวียนในการพัฒนาสินค้า และบางส่วนใช้คืนเงินกู้ระยะสั้น ที่มีอยู่ 900 ล้านบาท จะทำให้อัตราส่วนหนี้สินต่อทุน จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.2 เท่า



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ