DELTA คาดดีลเทคโอเวอร์รง.ชิ้นส่วนอิเล็คทรอนิคส์ที่สหรัฐ-ยุโรปจบ H2/52

ข่าวหุ้น-การเงิน Friday August 14, 2009 15:58 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นายอนุสรณ์ มุทราอิศ กรรมการ บมจ.เดลต้า อิเลคโทรนิคส์(ประเทศไทย)(DELTA)คาดว่าจะได้ข้อสรุปการซื้อกิจการโรงงานเพาเวอร์ ซิสเต็มส์ในสหรัฐในไตรมาส 3/52 ขณะที่ดีลซื้อกิจการในยุโรปยังอยู่ระหว่างเจรจาในเรื่องราคา ซึ่งคาดว่าจะจบได้ภายในไตรมาส 4/52 ซึ่งก็จะส่งผลให้ยอดขายของบริษัทปรับตัวดีขึ้น อีกทั้งยังเป็นการขยายตลาดมากขึ้นจากที่มีอยู่ด้วย

การเข้าเทคโอเวอร์ดังกล่าวคาดว่าจะส่งผลต่อยอดขายที่จะเพิ่มเข้ามาบางส่วนในไตรมาส 4/52 บ้าง แต่จะไปเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญในปีหน้า ดังนั้น บริษัทจึงยังคาดว่ารายได้ทั้งปียังคงเป็นไปตามเป้าหมายที่ 1.1 พันล้านเหรียญสหรัฐ

สำหรับเม็ดเงินที่จะใช้ในการเทคโอเวอร์ทั้ง 2 แห่ง บริษัทมีวงเงินรองรับไว้แล้วประมาณ 3 พันล้านบาท จากวงเงินที่มีทั้งหมด 8 พันล้านบาท โดยการเข้าเทคโอเวอร์กิจการบริษัทมีนโยบายถือหุ้นเกิน 50% เพื่อเป็นเจ้าของ

นายอนุสรณ์ กล่าวว่า ขณะนี้เริ่มมีสัญญาณการกลับมาของธุรกิจ ซึ่งถือว่ามีทิศทางที่ดีเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/52 ที่ถือว่ามียอดขายและกำไรต่ำสุดของปี เนื่องจากเริ่มมีออร์เดอร์กลับมา ประกอบกับ การที่รัฐบาลกลางในแต่ละแห่งมีการอัดฉีดเงินและให้การส่งเสริมธุรกิจโทรคมนาคม ซึ่งสอดคล้องกับแผนงานในครึ่งปีหลังของบริษัทที่มีการนำเทคโนโลยีใหม่ๆ เข้ามา เพื่อทำสินค้าไฮเอนด์มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเทเลคอม พาวเวอร์ซิสเต็มท์ ตัวแปลงกระแสไฟฟ้า (Invertor solarcell) ซึ่งมีมาร์จิ้นในอัตราที่สูงเฉลี่ยกว่า 20%

"เท่าที่ผมประเมิน ผมมั่นใจว่าในช่วงครึ่งปีหลังมีทิศทางที่ดีขึ้น เพราะเริ่มเห็นออเดอร์ที่เริ่มกลับเข้ามา แต่ก็ยอมรับว่ามีลูกค้าบางรายยังสับสนกับการสั่งซื้อสินค้าที่ยังไม่มั่นใจตลาด ไม่ใช่แต่ลูกค้าเราเองก็เหมือนกัน ไม่ใช่แค่การพยายามเพิ่มสินค้าไฮเอนท์ แต่ภายใต้สถานการณ์ทำอันไหนได้ก็ทำไปก่อน เหมือนเปิดอู่ซ่อมเบนซ์ แต่เบนซ์ไม่มา มอเตอร์ไซด์ก็ต้องเอา ถ้าดีก็กลายเป็นผลบวกของเราไป" นายอนุสรณ์ กล่าว

จากการที่บริษัทเพิ่มสินค้าที่มีมาร์จิ้นสูงทำให้เชื่อว่าปีนี้ทั้งปีอัตรากำไรสุทธิจะอยู่ที่ 8% และในครึ่งปีหลังน่าจะดีกว่าครึ่งปีแรกที่มีอัตรากำไรสุทธิที่ 6.5%

นายอนุสรณ์ กล่าวต่อว่า ภายใต้สถานการณ์ครึ่งปีหลังมีแนวโน้มที่ดี ทำให้เชื่อว่าอัตราการใช้กำลังการผลิตจะกลับมาสู่ปกติที่เคยทำได้ที่ 80-85% โดยไตรมาส 3/52 เริ่มมีการจ่ายโอทีและมีการเพิ่มกำลังคนแล้ว จากไตรมาส 2/52 อัตราการใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ 55%


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ