(เพิ่มเติม1) CK เผย backlog เพิ่มเป็น 2 หมื่นลบ.หลังเซ็นสัญญารถไฟฟ้าสีม่วงสัญญา 1

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday August 26, 2009 18:59 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.ช.การช่าง(CK) เผยงานในมือ(Backlog)ของบริษัทเพิ่มเป็น 2 หมื่นล้านบาทหลังเซ็นสัญญารับงานก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสีม่วงสัญญาที่ 1 ซึ่งมีมูลค่า 14,292 ล้านบาท และยังมีงานอื่นรอเซ็นสัญญาในช่วงครึ่งปีหลังอีกประมาณ 5 พันล้านบาท ขณะที่โครงการน้ำบากในประเทศลาว น่าจะเซ็นสัญญาได้ภายในปี 53 หลังจากเสนอผลศึกษาได้ในช่วงต้นปี

ทั้งนี้ บริษัทยังคาดว่าในปี 52 จะมีรายได้ใกล้เคียงกับปี 51 ที่มีรายได้ 1.3 หมื่นล้านบาท

"หลังจากเซ็นสัญญาสายสีม่วงวันนี้มูลค่า 14,292 ล้านบาท ก็จะทำให้เรามี backlog เพิ่มขึ้นเป็น 2 หมื่นล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้ประมาณ 3 ปีครึ่ง และครึ่งปีหลังเราก็มีงานรอเซ็นประมาณ 5 พันล้านบาท" นายวรพจน์ อุชุไพบูลย์วงศ์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานบัญชีและการเงิน CK กล่าว

โดยงานใหม่ที่รอเซ็นสัญญา ได้แก่ งานทางลอดถนนจรัลสนิทวงศ์ของ กทม.มูลค่า 900 ล้านบาท ที่กำหนดเซ็นสัญญาในเดือน ก.ย.52, งานก่อสร้างโรงไฟฟ้า SPP มูลค่า 900 ล้านลาท และงานสร้างถนนเพชรบูรณ์-หล่มสัก มูลค่า 600 ล้านบาท เป็นต้น ซึ่งจนถึงสิ้นปี 52 บริษัทคาดว่าจะมี backlog คงค้างอยู่ที่ 2 หมื่นล้านบาท เนื่องจากมีการรับรู้รายได้ส่วนหนึ่ง

นอกจากนั้น บริษัทยังจะเข้าร่วมประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดง(บางซื่อ-รังสิต), โครงการส่วนต่อขยายรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และงานก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานจากงบประมาณไทยเข้มแข็งวงเงิน 2 แสนล้านบาท รวมทั้งงานต่างประเทศในเวียดนาม ซึ่งเป็นงานสร้างถนนและทางด่วน และงานในประเทศลาว

"โครงการน้ำบาก 1-2 บริษัทคาดว่าจะสรุปผลการศึกษาได้ในต้นปีหน้า หลังจากนั้นจะมีการเจรจาซื้อขายไฟฟ้ากับ กฟผ.และเซ็นสัญญาสร้างได้ในปีหน้า มูลค่างานโครงกรนี้อยู่ที่ประมาณ 1.7 หมื่นล้านบาท ระยะเวลา 4-5 ปี" นายประเสริฐ มริตตนะพร กรรมการ CK กล่าว

นายปลิว ตรีวิศวเวทย์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ CK กล่าวว่า การลดราคาค่าก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าสีม่วงสัญญา 1 ลงไปจนเหลือ 14,292 ล้านบาท ทำให้อัตรากำไรสุทธิลดลงเหลือไม่ถึง 5% แต่ยังมีค่า k เข้ามาช่วยได้ส่วนหนึ่ง โดยบริษัทคาดว่าจะรับรู้รายได้จากโครงการนี้ภายในไตรมาส 4/52 เพราะน่าจะลงมือก่อสร้างได้ก่อนกำหนด 60 วันของทางการ และน่าจะแล้วเสร็จก่อนกำหนดด้วย

"เรามั่นใจว่าหลังเซ็นสัญาจะเริ่มงานได้เร็วกว่า 60 วันที่ทางการกำหนด และเริ่มรับรู้รายได้ไตรมาส 4 ของปีนี้ และมั่นใจว่างานนี้จะทำให้เสร็จก่อนกำหนด"นายปลิว กล่าว

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยอมรับว่ามีความกังวลราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้น ซึ่งจะมีผลกระทบต่อราคาวัสดุก่อสร้าง ดังนั้น บริษัทจึงพยายามเจรจากับซัพพลายเออร์เพื่อทำสัญญาซื้อในราคาเดิมให้ยาวนานที่สุด คาดว่าจะเป็นเวลา 2 ปี ขณะที่บริษัทยังมีความได้เปรียบเพราะมีโรงงานหล่อชิ้นส่วนสำเร็จรูป ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนและร่นระยะเวลาทำงานให้กับบริษัทได้

อนึ่ง การประเมินราคาค่าวัสดุก่อสร้างอยู่ภายใต้สมมติฐานราคาน้ำมันไม่เกิน 80 เหรียญสหรัฐ/บาร์เรล


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ