UMI บวก 4% โบรกฯแนะ"ซื้อ"เล็งกำไรเติบโตก้าวกระโดดตามภาคอสังหาฯฟื้น

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday September 23, 2009 14:35 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

หุ้น UMI ราคาวิ่งขึ้น 4% มาอยู่ที่ 1.30 บาท เพิ่มขึ้น 0.05 บาท มูลค่าซื้อขาย 8.11 ล้านบาท เมื่อเวลา 14.32 น. โดยเปิดตลาดที่ 1.26 บาท ราคาปรับตัวขึ้นสูงสุดที่ 1.31 บาท และราคาปรับตัวลงต่ำสุดที่ 1.26 บาท

Fund Survey Scanning Stocks บล.ฟาร์อีสท์ แนะ"ซื้อ"หุ้น บมจ.สหโมเสคอุตสาหกรรม(UMI)โดยให้ราคาเป้าหมายที่เหมาะสม 2.94 บาท เนื่องจากผลกำไรที่จะเติบโตอย่างก้าวกระโดดตามการฟื้นตัวของภาคอสังหาริมทรัพย์ที่จะดีขึ้นต่อเนื่องไปจนถึงปีหน้าจะเป็นตัวกระตุ้นรายได้ ขณะที่ต้นทุนพลังงานที่ลดลงจากการควบคุมที่มีประสิทธิภาพจะหนุนกำไรให้ดีขึ้น แม้ราคาน้ำมันดิบจะขึ้นมาอยู่ที่ $70/bbl ด้วยเหตุนี้จึงปรับประมาณการกำไรเป็น 114 ลบ.(EPS@0.24) ในปีนี้ และ 166 ลบ.(EPS@0.35)ในปีหน้า

1Q09 มีกำไร 3 ลบ.พลิกกลับจากขาดทุนสุทธิ 6 ลบ.ใน 1Q08 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของการ Turnaround หลังขาดทุนติดต่อกันต่อเนื่อง 13 ไตรมาส ต่อด้วยกำไรใน 2Q09 อีก 32 ล้านบาท +959%QoQ แม้วอลุ่มขายจะชะลอลงตามภาวะเศรษฐกิจ แต่ทว่าการปรับปรุงคุณภาพสินค้าให้มีคุณภาพสูงขึ้นเพื่อเพิ่มราคาขาย +การบริหารต้นทุนที่มีประสิทธิภาพ ปรับสูตรส่วนผสมวัตถุดิบ ที่เริ่มเห็นผลแม้ยังไม่เต็ม 100% แต่นี่ก็ยังทำให้บริษัทกำไร และจะกำไรติดต่อกันอีก 2 ไตรมาสที่เหลือในปีนี้

ประเด็นลงทุนใน UMI อยู่ที่การเข้าสู่โครงการปรับปรุงกระบวนการผลิต และเพิ่มคุณภาพการผลิต เพื่อยกระดับตัวเองขึ้นไปสู่ Segment ที่ High End มากขึ้นโดยวางผลิตภัณฑ์ Duragres เป็นหัวหอกในตลาดระดับพรีเมี่ยม ใช้วัตถุดิบเกรด A เท่านั้นในการผลิต พร้อมกับดีไซน์หรูหรา ถือเป็นจุดแข็งของบริษัทที่การแข่งขันทางด้านราคาจะไม่รุนแรง และจะได้รับความไว้วางใจจากผู้ประกอบการสร้างบ้าน และคอนโดในกลุ่มพรีเมี่ยมที่มีแนวโน้มจะเติบโตอย่างมากขึ้นในอนาคตหลังจากวิกฤติเศรษฐกิจผ่านพ้นไป ขณะที่แบรนด์ Lila และ UMI ช่วยเสริมรายได้อีกทาง ส่งผลให้มีประสิทธิภาพด้านการบริหารต้นทุนมากยิ่งขึ้น ดังจะเห็นได้จากอัตรากำไรขั้นต้นในไตรมาส 2 เพิ่มขึ้นเป็น 22% จากไตรมาส 1 ที่ 15% แม้ว่าราคาเชื้อเพลิงจะเพิ่มขึ้นก็ตาม ทำให้เรามั่นใจว่า UMI จะแสดงกำไรในไตรมาสที่เหลือของปี ที่ไม่ต่ำกว่ากำไรในไตรมาส 2

ประกอบกับ ปัจจัยเร่งตัวในช่วงครึ่งหลังจากภาวะตลาดอสังหาริมทรัพย์ที่มีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง ดังจะเห็นได้จากการเร่งเปิดโครงการใหม่ในช่วงโค้งสุดท้ายของปี ต่อเนื่องไปถึง 1Q10 ก่อนที่มาตรการประหยัดภาษีภาคอสังหาริมทรัพย์จะจบสิ้นลง 31 มี.ค. ทำให้กลุ่มวัสดุก่อสร้างที่จะเห็นผลประกอบการณ์ได้ชัดเจนก่อนจากกลุ่มพัฒนาอสังหาฯ เนื่องจากรับรู้รายได้ทันทีทั้งก้อน มีความเสี่ยงน้อยในการจ่ายหนี้และไม่ต้องลูกค้ารอโอนถึงจะรับรู้รายได้เหมือนพัฒนาอสังหาฯ

UMI เป็นผู้ผลิตกระเบื้องเซรามิกที่มีสัดส่วนการตลาดในประเทศ 13-15% ดังนั้นเมื่ออสังหาฯ มา ราคาต้องไปด้วยเหตุนี้จึงปรับประมาณการกำไรสุทธิทั้งปีที่ 114 ลบ. โดยปรับเพิ่ม Net Profit Margin ปี 09 จาก 4% เป็น 5.5% เทียบกับขาดทุนสุทธิ 115 ลบ.ในปี 08 สะท้อนประสิทธิผลจากโครงการ QIP (Quality Improvement Program)



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ