CEI คาดเริ่มธุรกิจเหมืองแร่ในปี 53 เล็งร่วมทุนบริษัทนอกตลาดฯ

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 14, 2009 11:34 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

บมจ.คอมพาสส์ อีสต์ อินดัสตรี้(ประเทศไทย)(CEI)ตั้งท่าลุยธุรกิจใหม่ทำเหมืองแร่ คาดได้เห็นในปี 53 มองแนวทางร่วมทุนกับบริษัทในประเทศนอกตลาดหลักทรัพย์ เบื้องต้นอาจเริ่มจากเทรดดิ้งแร่เหล็กก่อนปูทางเข้าลงทุนในเหมือง หวังผลักดันเพิ่มรายได้ปีหน้าที่ปัจจุบันจากธุรกิจหลักขายพัดลมเพดานนำเข้า ให้เช่าพื้นที่ ขายกระเบื้องปูพื้น และจะมีรายได้จากที่เข้าร่วมทุนในบริษัท แหล่งน้ำสยามเพิ่มเข้ามา ซึ่งคาดว่างวดปี 53 จะทำรายได้จากการดำเนินงานสูงกว่างวดปี 52

"ธุรกิจเหมืองแร่อาจจะยังไม่ได้เร็วๆนี้ แต่ขอมติไว้ก่อน ถ้าพร้อมจะทำก็ทำเลย น่าจะได้เห็นปีหน้า(53)เบื้องต้นน่าจะเป็นแร่เหล็กก่อน ประมาณว่าเทรดดิ้งด้วยและไม่แน่อาจจะเข้าไปลงทุนด้วย ส่วนเม็ดเงินที่จะเข้าไปลงทุนยังไม่ทราบรายละเอียด"แหล่งข่าวจาก CEI กล่าว

แหล่งข่าว กล่าวว่า ผลการดำเนินงานปกติของบริษัทในงวดปี 53(ส.ค.52-ก.ค.53)น่าจะสูงกว่างวดปี 52(ส.ค.51-ก.ค.52)และมีโอกาสพลิกเป็นกำไรจากงวดปีก่อนที่มีผลขาดทุน โดยรายได้หลักยังมาจากการจำหน่ายพัดลมเพดาน ซึ่งมีแนวโน้มที่ดีขึ้นตามคำสั่งสินค้าที่เข้ามาค่อนข้างมากกว่าช่วงก่อนๆ คาดว่างวดปี 53 รายได้จากธุรกิจจำหน่ายพัดลมจะเติบโตราว 5-10% มาที่ราว 80-90 ล้านบาท จากงวดปีก่อนที่ทำได้ 72 ล้านบาท

บริษัทมียอดการนำเข้าสินค้าพัดลมเพิ่มขึ้นมากตั้งแต่เดือน ส.ค.52 เป็นต้นมา โดยขณะนี้มีการนำเข้าสูงกว่าช่วง 6 เดือนที่ผ่านมาประมาณ 70-80% หรือมีมูลค่านำเข้าเดือนละกว่า 10 ล้านบาท หลังจากช่วงครึ่งหลังงวดปี 52 การนำเข้าลดลงมากจนถึงกับไม่ได้นำเข้ามาเลยเพราะเป็นห่วงเรื่องเศรษฐกิจ แต่ปรากฎผลกระทบคือไม่มีสินค้าขายและลูกค้าก็ต้องการสินค้าในรุ่นที่เราไม่มี บริษัทจึงต้องนำเข้าสินค้าเพิ่มตามความต้องการของลูกค้า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นลักษณะขายส่งที่มีอัตรากำไร(มาร์จิน)มาตรฐานอยู่ในระดับเดียวกัน และคาดว่าคำสั่งซื้อในระยะต่อไปก็น่าจะเพิ่มขึ้นอีกตามทิศทางการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ

ขณะที่รายได้จากค่าเช่าพื้นที่ในงวดปี 53 อาจมีแนวโน้มลดลง เนื่องจากมีลูกค้าบางส่วนครบสัญญาเช่าและมีการย้ายฐานการผลิต คาดว่าสัดส่วนรายได้จากค่าเช่าจะลดลงเหลือไม่เกิน 10% จากก่อนหน้านี้อยู่ที่ 25% และรายได้จากธุรกิจขายพัดลมจะเพิ่มสัดส่วนขึ้นเป็น 90% จากก่อนหน้านี้อยู่ที่ 75%

นอกจากนี้ บริษัทยังมีรายได้จากการจำหน่ายกระเบื้องปูพื้นเสริมเข้ามาเดือนละ 1-2 ล้านบาท น่าจะทำให้รายได้โตขึ้นอีก โดยบริษัทเริ่มนำเข้ากระเบื้องปูพื้นยี่ห้อแกรนิตโต้ ขนาด 60 x 60 เข้ามาจำหน่ายตั้งแต่ปลายเดือน พ.ค.52 ตอนนี้ยังอยู่ระหว่างการศึกษาตลาดไปด้วย เพราะการนำเข้ามาจำหน่ายต้องมีลูกค้าที่แน่นอนชัดเจน

แหล่งข่าว กล่าวว่า การจำหน่ายกระเบื้องปูพื้นส่วนใหญ่เป็นการขายยกล็อต ซึ่งให้มาร์จิ้นค่อนข้างดีกว่าพัดลม แต่ยังขายยาก โดยลูกค้าหลักจะเป็นหมู่บ้านขนาดใหญ่ราคาแพงที่มีการปูพื้นแบบสวยงาม ขณะที่สินค้าที่นำเข้ามาผลิตจากโรงงานในประเทศจีนที่มีคุณภาพดีพอสมควร เบื้องต้นนำเข้ามาตามความต้องการของลูกค้า แต่ปัจจุบันได้เริ่มหาลูกค้าเองเพราะเรามีแหล่งแล้ว และมีความได้เปรียบในด้านต้นทุน

"ตอนนี้ยังไม่ถึงจุดที่จะต้องใช้งบการตลาด เพียงแต่ได้เริ่มทำโปรโมชั่นและปรับปรุงประสิทธิภาพของหน่วยงานและทีมงาน ทำให้ลูกค้าพึงพอใจมากขึ้น ตรงนี้น่าจะเป็นส่วนที่เสริมแรงทำให้สามารถเดินไปได้ดีมาก"แหล่งข่าว กล่าว

ส่วนที่บริษัทเข้าไปลงทุนในบริษัท แหล่งน้ำสยาม ซึ่งทำธุรกิจรับสัมปทานและออกแบบโครงการเกี่ยวกับน้ำและให้คำปรึกษางานที่เกี่ยวกับน้ำ ท่อน้ำและระบบประปาทุกชนิดนั้น จะสามารถสร้างรายได้ต่อเนื่องแน่นอน เพราะเน้นงานสัมปทาน โดยหากโครงสร้างทุกอย่างแล้วเสร็จก็คาดว่าจะเริ่มมีรายรับเข้ามา แต่คงยังไม่ทันที่จะรับรู้รายได้ในเดือนต.ค.นี้ เนื่องจากบริษัทเพิ่งเริ่มลงทุนไปเมื่อเดือนส.ค.โครงสร้างยังไม่เสร็จ

"ขึ้นโครงสร้างยังไม่เสร็จ ยังไมู่รู้ว่ารายได้จะเริ่มเข้ามาเมื่อไร ถ้าดูจากงบฯปีก่อนๆของแหล่งน้ำฯก็ยังไม่ค่อยจะมีรายได้เข้ามาเท่าไร มีกำไร แต่ยังไม่ถึงจุดที่น่าจะเป็นไป แต่ไม่น่าขาดทุนเพราะเป็นอะไรที่ผูกขาดน่าจะได้กำไร"แหล่งข่าว กล่าว

แหล่งข่าว กล่าวต่อว่า บริษัทคาดว่าในงวดปี 53 จะสามารถพลิกกลับมามีกำไรได้ จากที่ขาดทุนราว 70 ล้านบาทในงวดปี 52 เนื่องจากในงวดปีนี้จะไม่มีการรับรู้ผลขาดทุนจากการขายบริษัทย่อยเหมือนที่เกิดขึ้นในงวดปีก่อนที่ทำให้แม้บริษัทจะมีกำไรจากการดำเนินงานแต่กลับมีผลขาดทุนสุทธิถึง 75 ล้านบาท ประกอบกับบริษัทได้พยายามลดต้นทุนการดำเนินงานด้วย ซึ่งขณะนี้ได้มีการลดจำนวนพนักงานประจำสำนักงานเหลือ 30 คน จากปีก่อนมีจำนวนกว่า 40 คน ทำให้ลดค่าใช้จ่ายไปได้มาก

ทั้งนี้ บริษัทยังหวังว่าหากผลประกอบการในงวดปีนี้ออกมาดีตามที่คาดไว้ ก็น่าจะทำให้บริษัทสามารถล้างขาดทุนสะสมที่มีเหลืออยู่ประมาณ 50 กว่าล้านบาทได้อย่างช้าคือภายในปี 54

"ผลขาดทุนยังมีสะสมเข้ามา ก็ลุ้นว่าจะหมดหรือไม่หมดในปี 53 นี้ ถ้าผลการดำเนินงานปกติกำไรเยอะขึ้นมา งบฯรวมก็น่าจะลดขาดทุนไปได้ จริงๆ คิดว่าน่าจะลดได้หมดปี 53 อาจจะลำบากนิดหนึ่งอาจจะไม่มีกำไรเพราะว่าอาจจะไปล้างขาดทุน แต่ถ้าปี 54 น่าจะดีขึ้น ตอนนี้ขาดทุนสะสมเหลืออีก 50 กว่าล้านบาท ปี 54 คิดว่าน่าจะเป็นไทแล้ว"แหล่งข่าว กล่าว

อนึ่ง งวดปี 52 CEI มีรายได้รวมประมาณ 181 ล้านบาท เนื่องจาก 2 ไตรมาสแรกของงวดปีบริษัทรับรู้รายได้จากบริษัทย่อยในต่างประเทศ ถ้ายอดเฉพาะของบริษัทรายได้อยู่ที่ 134 ล้านบาท แต่มีผลขาดทุนสุทธิ 75 ล้านบาท สาเหตุหลักมาจากการขายบริษัทย่อยดังกล่าว


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ