ภาวะตลาดหุ้นนิวยอร์กแรงขายหุ้นกลุ่มการเงิน ฉุดดาวโจนส์ปิดร่วง 92.12 จุด

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday October 22, 2009 06:25 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ดัชนีดาวโจนส์ตลาดหุ้นนิวยอร์กปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (21 ต.ค.) เนื่องจากนักลงทุนกระหน่ำขายหุ้นกลุ่มการเงิน หลังจากนายดิค โบฟ นักวิเคราะห์ชื่อดังในแวดวงการเงินแนะนำให้นักลงทุนขายหุ้นธนาคารเวลส์ ฟาร์โก แอนด์ โค และหลังจากบริษัท โบอิ้ง โค รายงานตัวเลขขาดทุนที่สูงเกินคาด ซึ่งข้อมูลดังกล่าวส่งผลบดบังผลประกอบการที่ดีเกินคาดของมอร์แกน สแตนลีย์ และยาฮู อิงค์

บลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ร่วงลง 92.12 จุด หรือ 0.92% ปิดที่ 9,949.36 จุด ขณะที่ดัชนี S&P 500 ลดลง 9.66 จุด หรือ 0.89% ปิดที่ 1,081.40 จุด และดัชนี Nasdaq รูดลง 12.74 จุด หรือ 0.59% ปิดที่ 2,150.73 จุด

ปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กมีอยู่ราว 1.41 พันล้านหุ้น มีจำนวนหุ้นลบมากกว่าหุ้นบวกในอัตราส่วน 2 ต่อ 1 ส่วนปริมาณการซื้อขายในตลาดหุ้น Nasdaq มีอยู่ราว 2.60 พันล้านหุ้น

หุ้นกลุ่มการเงินถูกกระหน่ำขายหลังจากนายดิค โบฟ นักวิเคราะห์ชื่อดังจากบริษัทหลักทรัพย์โรชเดลในสหรัฐ ปรับลดน้ำหนักความน่าลงทุนของหุ้นเวลส์ ฟาร์โก ซึ่งเป็นธนาคารผู้ปล่อยกู้เพื่อการซื้อบ้านรายใหญ่สุดของสหรัฐ พร้อมกับแนะนำให้นักลงทุน "ขาย" หุ้นดังกล่าว ส่งผลให้ราคาหุ้นเวลส์ ฟาร์โก ดิ่งลง 5.1% โดยโบฟกล่าวว่าเวลส์ ฟาร์โก ประคองกิจการอยู่ได้เพียงเพราะค่าธรรมเนียมการบริการด้านการจำนอง แทนที่จะเป็นปัจจัยพื้นฐานและกระแสเงินทุนหมุนเวียน

ไมเคิล แนสโต หัวหน้านักวิเคราะห์จากบริษัท ยูเอส โกลบอล อินเวสเตอร์ส กล่าวว่า "นักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับปัญหาในภาคการเงินทันทีที่หุ้นธนาคารเวลส์ ฟาร์โก ถูกแนะนำให้ขาย ทั้งนี้ก็เพราะเวลส์ ฟาร์โก เป็นหนึ่งในธนาคารยักษ์ใหญ่ที่เหลืออยู่ของสหรัฐ ซึ่งท่าทีของโบฟในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นว่าภาคการเงินของสหรัฐยังไม่หลุดพ้นจากวิกฤตการณ์"

ในช่วงเช้านั้นตลาดหุ้นนิวยอร์กดีดตัวขึ้นขานรับมอร์แกน สแตนลีย์ ที่รายงานผลประกอบการที่สูงเกินคาด ซึ่งช่วยหนุนหุ้นมอร์แกน สแตนลีย์ทะยานขึ้น 4.8% และยาฮู อิงค์ เปิดเผยว่า กำไรไตรมาส 3 ที่ 186 ล้านดอลลาร์ หรือ 13 เซนต์ต่อหุ้น มากกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดว่าจะอยู่ที่ 7 เซนต์ต่อหุ้น ข้อมูลดังกล่าวบ่งชี้ว่ายาฮูอาจหลุดพ้นจากภาวะกำไรถดถอยตลอดระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา และช่วยหนุนหุ้นยาฮูพุ่งขึ้น 2.9%

นอกจากนี้ ตลาดยังขานรับบริษัท ดูปองท์ โค ผู้ผลิตสารเคมีรายใหญ่อันดับ 3 ของสหรัฐ ที่รายงานกำไรสุทธิพุ่งขึ้นแตะ 409 ล้านดอลลาร์ หรือ 45 เซนต์ต่อหุ้น มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ 33 เซนต์ต่อหุ้น เนื่องจากการลดจำนวนพนักงานและต้นทุนวัตถุดิบได้ช่วยชดเชยยอดขายที่ร่วงลง

แต่ในช่วงท้ายของการซื้อขาย ตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงหลังจากโบฟแสดงความคิดเห็นในด้านลบและแนะนำให้นักลงทุนขายหุ้นเวลส์ ฟาร์โก รวมทั้งยอดขายทุนที่สูงเกินคาดของโบอิ้งส่งผลให้ตลาดดิ่งลงด้วย โดยโบอิ้ง ผู้ผลิตเครื่องบินรายใหญ่ของสหรัฐเปิดเผยยอดขาดทุน 1.56 พันล้านดอลลาร์ หรือ 2.23 ดอลลาร์ต่อหุ้นในไตรมาสสาม สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะขาดทุนเพียง 2.10 ดอลลาร์ต่อหุ้น ซึ่งข่าวดังกล่าวฉุดหุ้นโบอิ้งดิ่งลง 2.4%

หุ้นวอล-มาร์ทดิ่งลง 2.1% หลังจากมีรายงานว่าวอล-มาร์ทเตรียมลดราคาสินค้าเพื่อตอบสนองความต้องการของลูกค้าในช่วงเทศกาลวันหยุด



เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ