TNDT ตั้งท่าลุย ตปท.ประเดิมสาขาเวียดนาม พร้อมเจรจาพันธมิตรสรุป ม.ค.53

ข่าวหุ้น-การเงิน Wednesday October 28, 2009 12:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

นางชมเดือน ศตวุฒิ กรรมการผู้จัดการ บมจ. ไทย เอ็น ดี ที (TNDT) กล่าวว่า บริษัทมีแผนจะออกไปรับงานต่างประเทศมากขึ้นหลังจากปัจจัยในประเทศ โดยเฉพาะการเมือง ทำให้บรรยากาศการลงทุนชะลอ อีกทั้งงานในต่างประเทศให้อัตรากำไร(มาร์จิ้น)สูงถึง 30% ขณะที่งานในประเทศมีมาร์จิ้นเฉลี่ย 20%

บริษัทคาดว่าจะเข้าไปลงทุนตั้งสาขาต่างประเทศแห่งแรกในประเทศเวียดนาม ราวเดือนม.ค.53 ระยะแรกจะเป็นการรับงานใหม่ คาดใช้เงินลงทุนไม่เกิน 5 ล้านบาท เนื่องจากมองว่าเวียดนามมีความต้องการพัฒนาโครงการต่าง ๆ อีกมาก โดยเฉพาะงานด้าน Oil&Gas และในอนาคตก็จะขยายไปในประเทศอื่นๆ อย่างอินโดนีเซียและจีน ซึ่งจะส่งผลให้มีสัดส่วนในต่างประเทศเพิ่มขึ้นเป็น 5% ในปี 53 จากปัจจุบันอยู่ที่ไม่ถึง 1%

หลังจากมีสาขาแล้วก็จะนำไปสู่การขยายธุรกิจเพื่อต่อยอด ซึ่งขณะนี้บริษัทกำลังเจรจากับพันธมิตรในเวียดนาม 2 ราย อาจจะมีความร่วมมือในลักษณะการร่วมทุนกัน โดยคาดว่าจะมีข้อสรุปหลังจากเดือน ม.ค.53

นอกจากนี้ บริษัทก็ได้มีการเจรจากับพันธมิตรควบคู่กันไปด้วย ซึ่งมีความเป็นไปได้ที่จะร่วมทุนตั้งบริษัทในอนาคต

"เราได้ทยอยปรับตัวมาอย่างต่อเนื่อง และพยายามประคองธุรกิจ เพราะจากปัจจัยโดยเฉพาะการเมืองทำให้บรรยากาศการลงทุนไม่ค่อยดี ซึ่งหากไม่ดำเนินการแก้ไข ต้องกระทบการรับงาน"นางชมเดือน กล่าว

นางชมเดือน กล่าวว่า บริษัทตั้งเป้าหมายรายได้ในปี 53 เติบโต 20% จากปีนี้ที่มีรายได้ 300 ล้านบาท หรือคาดว่าปีหน้าจะมีรายได้ราว 360 ล้านบาท โดยบริษัทมีงานในมือ(Backlog)ราว 300 ล้านบาท และส่วนใหญ่เป็นสัญญาระยะยาว ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 100 ล้านบาท ที่เหลือทยอยรับรู้ปีหน้า

เช่น งานตรวจสอบโรงไฟฟ้า ของ DOOSAN ที่ระยอง มูลค่า 18.1 ล้านบาท การตรวจสอบงานถัง LNG มูลค่า 19 ล้านบาท และที่เหลือส่วนใหญ่จะเป็นงานของบมจ. ปตท.สำรวจและผลิต ปิโตรเลียม (PTTEP) หรือ ปตท.สผ. บมจ.ไออาร์พีซี (IRPC) บมจ..บางจากปิโตรเลียม(BCP)

ขณะเดียวกันเชื่อว่าในปีหน้าจะสามารถกลับมาดำเนินการรับตรวจสอบโรงถลุงเหล็กของมาดาร์กัสการ์ที่ชะลอไปช่วงต้นปี จากปัญญาการเมืองได้ ซึ่งโครงการดังกล่าวมีมูลค่า 10-12 ล้านบาท โดยบริษัทรับรู้ไปแล้ว 40% หรือราว 5 ล้านบาท

นางชมเดือน กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ บริษัท ยังอยู่ระหว่างการศึกษาการตรวจสอบรูปแบบ Acoustic Emission ซึ่งเป็นเครื่องมือตรวจสอบด้วยสัญญาณเสียง จะทำให้รองรับการตรวจสอบที่มีประสิทธิภาพและหลากหลายธุรกิจมากขึ้น

สำหรับผลประกอบการในปีนี้คาดว่าจะสามารถจ่ายเงินปันผลได้มากกว่าปีก่อนที่จ่ายในอัตรา 0.15 บาท/หุ้น จากกำไรที่ปรับเพิ่มขึ้นและได้สิทธิประโยชน์รับสิทธิพิเศษทางภาษีจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(BOI)


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ