บริษัท อาเบอร์ดีน แอสเซ็ท แมเนจเมนท์ และสแตนดาร์ดไลฟ์ อินเวสท์เมนท์ สองบริษัทจัดการกองทุนรายใหญ่สุดของสก็อตแลนด์ยอมรับว่าการทำกำไรในตลาดหุ้นเอเชียไม่ใช่เรื่อง่าย โดยไมค์ เทอร์เนอร์ หัวหน้าฝ่ายยุทธศาสตร์ด้านการลงทุนของอาเบอร์ดีนเปิดเผยว่า อาเบอร์ดีนได้ลดการถือครองหุ้นในตลาดเอเชียเนื่องจากมูลค่าหุ้นในตลาดเอเชียไม่สูงนักเมื่อเทียบกับตลาดอื่นๆทั่วโลก
ขณะที่รอนนี เพทรี หัวหน้าฝ่ายการลทุนด้านหลักทรัพย์ของสแตนดาร์ดไลฟ์กล่าวว่า ทางบริษัทได้เทขายหุ้น รวมถึงหุ้นนินเทนโด ซึ่งเป็นผู้ผลิตเกมของญี่ปุ่น
"เราชะลอการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียระยะนี้ แต่การที่จะพักการลงทุนในตลาดหุ้นเอเชียนั้นคงเป็นกระบวนการในระยะยาว เรามองว่าตลาดหุ้นในเอเชียก้าวเข้าสู่ระยะพักฐาน และสิ่งที่ผมกังวลใจมากในเวลานี้ก็คือว่าอาจมีบริษัทในเอเชียเพียงไม่กี่รายที่จะรายงานผลประกอบการที่สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ ซึ่งนับตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค.เป็นต้นมา บริษัทในเอเชียที่จดทะเบียนในดัชนี MSCI Asia Pacific Index ที่รายงานผลประกอบการดีเกินคาดนั้น มีไม่ถึง 53% ขณะที่บริษัทที่จดทะเบียนในดัชนี S&P 500 ตลาดหุ้นสหรัฐมีอยู่กว่า 84% ที่สามารถทำกำไรเกินคาด" เทอร์เนอร์กล่าวให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวที่เมืองเอดินเบิร์ก
ขณะที่เพทรี หัวหน้าฝ่ายการลงทุนของสแตนดาร์ดไลฟ์กล่าวว่า "มูลค่าหุ้นในตลาดหุ้นเอเชียมีมูลค่าน้อยกว่าตลาดอื่นๆทั่วโลก จึงเป็นเรื่องยากที่เราจะทุ่มเงินลงทุนในระยะนี้ โดยสแตนดาร์ดไลฟ์ทุบขายหุ้นนินเทนโดหลังจากบริษัทปรับลดคาดการณ์ผลกำไรปี 2552 เนื่องจากยอดขายเกม Wii หดตัวลง และเรายังเทขายหุ้นพีที บูมี รีซอสเซส ซึ่งเป็นบริษัทเหมืองถ่านหินรายใหญ่สุดของอินโดนีเซีย"
อย่างไรก็ตาม สแตนดาร์ดไลฟ์เข้าซื้อหุ้นไชน่า เฮลธ์แคร์ โฮลดิ้ง และหุ้นชานตง เหว่ยเกา กรุ๊ป เมดิคัล โพลิเมอร์ ในตลาดหุ้นจีน เพราะเชื่อว่าชาวจีนจะเพิ่มการใช้จ่ายด้านสุขภาพหลังจากเศรษฐกิจขยายตัวแข็งแกร่ง นอกจากนี้ สแตนดาร์ดไลฟ์ยังขานรับรายงานที่ว่า ดัชนีภาคการผลิตเดือนต.ค.ของจีนพุ่งขึ้นแตะ 55.7 จุด จากเดือนก.ย.ที่ 52.6 จุด มากกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะอยู่ที่ 53.0 จุด บลูมเบิร์กรายงาน