ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงเมื่อคืนนี้ (19 พ.ย.) จากแรงขายที่ส่งเข้ากระหน่ำหุ้นกลุ่มเหมืองแร่หลังจากราคาโลหะในตลาดโลกดิ่งลง ซึ่งเป็นผลมาจากความวิตกกังวลเรื่องแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ ตลาดหุ้นลอนดอนยังได้รับแรงกดดันจากข้อมูลเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ของสหรัฐและการร่วงลงของตลาดหุ้นนิวยอร์ก
บลูมเบิร์กรายงานว่า ดัชนี FTSE 100 ร่วงลง 74.43 จุด ปิดที่ 5,267.70 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,254.18-5,343.82 จุด
จอร์เจียนา เทย์เลอร์ นักวิเคราะห์จากบริษัท เลกัล แอนด์ เจนเนอรัล กรุ๊ป ในลอนดอน กล่าวว่า ราคาโลหะในตลาดโลกที่ร่วงลงอย่างหนักได้ฉุดหุ้นกลุ่มเหมืองดิ่งงด้วย รวมถึงราคาโลหะทองแดง นิกเกิ้ล ดีบุก และสังกะสี ที่ร่วงลงอย่างหนักเพราะถูกกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น นอกจากนี้ ข้อมูลเศรษฐกิจที่อ่อนแอและตลาดหุ้นนิวยอร์กที่ร่วงลงของสหรัฐยังเป็นอีกปัจจัยที่ส่งผลให้บรรยากาศการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนซบเซาลงด้วย
สำนักงานคอนเฟอเรอนซ์ บอร์ด ซึ่งเป็นองค์กรวิจัยเอกชนของสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเพิ่มขึ้น 0.3% แตะที่ 103.8 จุด ซึ่งแม้ว่าเป็นระดับสูงสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2550 แต่ยังต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าจะเพิ่มขึ้น 0.5% ข้อมูลดังกล่าวเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ฉุดตลาดหุ้นนิวยอร์กร่วงลงด้วย
หุ้นเอ็กสตราต้า ซึ่งเป็นผู้ผลิตถ่านหินที่ใช้ในโรงงานไฟฟ้ารายใหญ่สุดของโลก ดิ่งลง 5.1% หุ้นบีเอชพี บิลลิตัน บริษัทเหมืองรายใหญ่ของโลก ร่วงลง 2.8% และหุ้นอันโตฟากัสต้า บริษัทเหมืองทองคำยักษ์ใหญ่ของชิลี ร่วงลง 5.4%
ส่วนหุ้นเออาร์เอ็ม ซึ่งเป็นบริษัทผลิตชิพที่ใช้ในผลิตภัณฑ์ iPhone ของบริษัท แอปเปิ้ล อิงค์ ดิ่งลง 6.9% หลังจากแบงค์ ออฟ อเมริกา เมอร์ริล ลินช์ ปรับลดอันดับความน่าลงทุนของหุ้นดังกล่าวลงสู่ระดับ “underperform" จากเดิมทีร่ระดับ “neutral"