นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่ในวอลล์สตรีทคาดการณ์ว่า ตลาดหุ้นนิวยอร์กจะทะยานขึ้นแข็งแกร่งในปีนี้ โดยเฉพาะดัชนี S&P 500 ที่มีแนวโน้มพุ่งขึ้น 9.8% เพราะได้แรงหนุนจากการที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) คงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0 - 0.25% และเศรษฐกิจที่ขยายตัวขึ้นกว่า 26% นอกจากนี้ คาดว่าตลาดหุ้นนิวยอร์กจะได้รับปัจจัยบวกจากการเพิ่มขึ้นของผลประกอบการภาคเอกชน รวมทั้งกระแสควบรวมกิจการและเข้าซื้อหุ้นในภาคเอกชน
ส่วนภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นนิวยอร์กสัปดาห์นี้นั้น นักลงทุนจับตาดูรายงานเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐในสัปดาห์นี้ โดยวันอังคาร ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) สาขานิวยอร์กเตรียมเปิดเผยผลสำรวจภาคการผลิต (Empire State Index) เดือนธ.ค. และผลผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนพ.ย., กระทรวงแรงงานเตรียมเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนพ.ย. และสมาคมผู้สร้างบ้านแห่งชาติ (NAHB) เตรียมเปิดเผยดัชนีตลาดที่อยู่อาศัยเดือนธ.ค. วันพุธ กระทรวงแรงงานเตรียมเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนพ.ย. กระทรวงพาณิชย์สหรัฐเตรียมเปิดเผยข้อมูลการเริ่มสร้างบ้านและการอนุญาตก่อสร้างเดือนพ.ย.และข้อมูลดุลบัญชีเดินสะพัดไตรมาส 3 วันพฤหัสบดี กระทรวงแรงงานจะรายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ และสำนักงานคอนเฟอเรนซ์ บอร์ด เตรียมเปิดเผยดัชนีชี้นำเศรษฐกิจสหรัฐเดือนพ.ย. ส่วนวันศุกร์ ไม่มีการรายงานข้อมูลเศรษฐกิจ
นอกจากนี้ นักลงทุนยังจับตาดูการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ซึ่งจะเริ่มขึ้นในคืนนี้และจะเสร็จสิ้นในคืนวันพรุ่งนี้ตามเวลาประเทศไทย โดยนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยไว้ที่ระดับ 0 - 0.25% จนกว่าเศรษฐกิจจะขยายตัวอย่างยั่งยืน