(เพิ่มเติม) CITY พับแผนศึกษาส่งบ.ลูกส่งเข้าตลาด หันดูแลธุรกิจหลักหลังมาบตาพุดกระทบ

ข่าวหุ้น-การเงิน Monday January 11, 2010 17:38 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

ผู้บริหาร บมจ.ซิตี้สตีล (CITY) ชะลอแผนศึกษาการนำบริษัทลูกเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ออกไปก่อน เพราะต้องการหันมามุ่งมั่นในธุรกิจหลักมากกว่า หลังจากที่ไตรมาสแรก (ส.ค.-ก.ย.52) กำไรลดฮวบ บริษัทได้รับผลกระทบหนักจากปัญหาการลงทุนในมาบตาพุดชะงัก

ทั้งนี้ คาดไตรมาส 2(ต.ค.52- ม.ค.53) กำไรจะทรงตัวจากไตรมาสแรกที่มีกำไรสุทธิ 12.52 ล้านบาท หวังไตรมาสสุดท้าย(พ.ค.-ก.ค.53) ปัญหามาบตาพุดคลี่คลายและเดินหน้าต่อได้ ดังนั้น จึงยังคงเป้าหมายรายได้ทรงตัวในงวดปี 52/53(สิ้นสุด ก.ค.53) หรืออาจลดลงเล็กน้อยจากงวดปีก่อนที่มีรายได้ 593 ล้านบาท รวมทั้งกำไรสุทธิคาดจะทรงตัวเท่ากับปี 51/52 ที่มี 80.43 ล้านบาท เช่นกัน

"เราแค่หาข้อมูลเรื่อง Spin off ที่จะเอาบริษัทลูกเข้าตลาดฯ ว่าจะได้ประโยชน์จริง ๆ ยังไง แต่ตอนนี้เราหยุดหาข้อมูลแล้ว"นายคมกริช พงษ์รัตนเดชาชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร CITY กล่าวกับ"อินโฟเควสท์"

ทั้งนี้ บริษัทมี 3 บริษัทย่อย ได้แก่ บริษัท สยาม ไอ โซ โปร จำกัด ดำเนินธุรกิจนำเข้าอุปกรณ์และวัสดุที่ใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมจากต่างประเทศมาจำหน่ายในประเทศ, บริษัท มาร์ค เวิลด์ ไวด์ ดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายอุปกรณ์จัดเก็บและลำเลียงภายใต้เครื่องหมาย การค้า"CITY STEEL"

และ บริษัท ซิตี้สตีล โปรดักส์ จำกัด ที่เพิ่งได้รับการส่งเสริมจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(BOI)เวลา 8 ปี ซึ่งบริษัทได้ลงทุน 100 ล้านบาทในเฟสแรก มีกำลังการผลิต 9 พันตัน/ปี เริ่มผลิตได้ในปลายไตรมาสแรกปี 53/54 (ส.ค.-ก.ย.53)หรือไตรมาส 2 ของปี53/54 (ต.ค.53-ม.ค.54)

นายคมกริช กล่าวว่า จากผลกระทบที่โรงงานในมาบตาพุดต้องหยุดดำเนินการ ทำให้บริษัทไม่สามารถขายสินค้าได้ เพราะสินค้าเป็นสินค้าทุนที่ใช้ก่อสร้างโรงงาน คลังสินค้า อย่างไรก็ตาม คาดหวังว่าในไตรมาส 4 นี้ ผลกระทบจะคลี่คลาย และโรงงานจะมีการสั่งสินค้ามาก

ปี 52/53 คาดว่าจะใช้กำลังการผลิต 60-70% ของกำลังการผลิตรวม 2.5 หมื่นตัน/ปี หรือคิดเป็น 1.5-1.75 หมื่นตัน/ปี ซึ่งใกล้เคียงกับปีก่อน ขณะที่อัตรากำไรขั้นต้น อยู่ที่ประมาณ 20% ใกล้เคียงปีก่อน


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ