โบรกฯเชียร์"ซื้อ"STEC มองเป็นหนึ่งในตัวเต็งได้งานรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน

ข่าวหุ้น-การเงิน Thursday January 21, 2010 10:40 —สำนักข่าวอินโฟเควสท์ (IQ)

โบรกเกอร์ต่างแนะ"ซื้อ"หรือ"ซื้อแก็งกำไร"หุ้น บมจ.ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น(STEC)คาดมีโอกาสลุ้นงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินช่วงหัวลำโพง-บางแค และบางซื่อ-ท่าพระ ระยะทาง 27 กม. มูลค่าโครงการ 5.2 หมื่นล้านบาท ที่แยกเป็น 5 สัญญา ที่วันนี้เริ่มเปิดขายซองประมูล

ประกอบกับ คาดว่าในปี 53 บริษัทจะมีงานใหม่เข้ามาราว 2 หมื่นล้านบาท ผลักดันให้ Backlog เติบโต รวมทั้งงานต่างประเทศที่เล็งเข้าประมูลในปลายปีนี้อีก 2 โครงการ รวม 1.2 หมื่นล้านบาท

นอกจากนี้ ผลกำไรในไตรมาส 4/52 ออกมาดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ และประเมินกำไรในปี 53 เติบโตต่อเนื่อง เพราะมีอัตรากำไรขั้นต้น(มาร์จิ้น)ดีขึ้น

          โบรกเกอร์                 คำแนะนำ      ราคาเป้าหมาย(บาท/หุ้น)
          บล.ไอร่า                 ซื้อเมื่ออ่อนตัว        8.22
          บล.โกลเบล็ก                 ซื้อ             8.18
          บล.ดีบีเอสวิคเกอร์ส            ซื้อ             7.97
          บล.ทรีนิตี้                    ซื้อ             7.80
          บล.เกียรตินาคิน            ซื้อเก็งกำไร         7.80
          บล.เอเซียพลัส                ซื้อ             7.00

นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.เอเซีย พลัส กล่าวว่า ราคา STEC ระยะนี้ปรับตัวขึ้นจากแรงเก็งกำไรของความคืบหน้าการประมูลงานรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่เปิดขายซองตั้งแต่วันที่ 20 ม.ค.นี้ และประเมินว่ากำไรของบริษัทในปี 52 มีจำนวน 233 ล้านบาท และปี 53 เพิ่มเป็น 415 ล้านบาท จากมาร์จิ้นของงานที่ดีขึ้น และ STEC เป็นบริษัทที่มีฐานะการเงินแข็งแกร่งที่สุดในกลุ่มผุ้รับเหมาใหญ่

ปัจจุบัน STEC มีงานรอเซ็นสัญญาในไตรมาส 1/53 มูลค่ารวม 17,240 ล้านบาท รวมถึงงานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงสัญญาที่ 2 ที่จะเซ็นสัญญาในวันนี้ โดยงานที่รอเซ็นสัญญามีระยะเวลาการทำงานเฉลี่ย 3 ปี เมื่อรวมกับ Backlog ยกมาจากปี 52 ประมาณ 2.7 พันล้านบาท และงานที่จะได้รับเพิ่มในปี 53 คาดว่ายอดการรับรู้รายได้ในปี 53 อยู่ในระดับใกล้เคียงกับปี 52 ที่ระดับ 1.2 หมื่นล้านบาท

STEC จะเข้าร่วมประมูลรถไฟฟ้าทุกสัญญา โดย STEC ตั้งเป้ารับงานเพิ่มในปีนี้อีกไม่ต่ำกว่า 2 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะทำให้ตัวเลข Backlog เพิ่มขึ้นสู่ระดับ 4-5 หมื่นล้านบาท และจะทำให้การรับรู้รายได้มีการเติบโตอย่างก้าวกระโดดในปี 54

"ตอนนี้ราคาขึ้นมาเยอะแล้ว upside น้อยแล้ว เราให้ราคาพื้นฐานไว้ที่ 7 บาท ก็เทรดดิ้งได้" นายเทิดศักดิ์ กล่าว

ด้านนายสมบัติ เอกวรรณพัฒนา ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยหลักทรัพย์ บล.ดีบีเอส วิคเคอร์ส(ประเทศไทย) มองว่าหุ้น STEC น่าลงทุน เพราะบริษัทจะได้เซ็นสัญญางานก่อสร้างรถไฟฟ้าสายสีม่วงสัญญา 2 มูลค่า 1.3 หมื่นล้านบาทในวันนี้ (20 ม.ค.) จะทำให้งานในมือ(backlog)เพิ่มขึ้นเป็น 2.2 หมื่นล้านบาท และคาดว่ากำไรในไตรมาส 4/52 จะดีกว่าที่คาดไว้ 29 ล้านบาท เป็น 81 ล้านบาท

นอกจากนี้ ในปี 53 ยังมีโครงการประมูลรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงิน และโครงการงบไทยเข้มแข็ง รวมแล้วประมาณ 6 หมื่นล้านบาท ซึ่คาดว่าบริษัทจะได้งานเข้ามาประมาณ 2 หมื่นล้านบาท

ขณะที่งานก่อสร้างโรงงาน Dow Chemical ที่มาบตาพุดได้คลี่คลายแล้ว เพราะเจ้าของงานมีความมั่นใจในการยื่นอุทธรณ์กับศาลฯที่จะให้ดำเนินการได้ต่อ จึงยังคงให้ STEC ทำงานต่อไป ความเสี่ยงของ STEC จะลดลง และสามารถเก็บเงินได้ตามที่งานเสร็จ โดยงานที่เหลืออยู่มีมูลค่า 800 ล้านบาท และจะมีการเซ็นสัญญาก่อสร้างเพิ่มเติมอีก 555 ล้านบาท

นอกจากนี้ STEC ยังมีงานต่างประเทศ ได้แก่ งาน Module ของ Pluto เฟส 2 มูลค่า 6 พันล้านบาท และ โครงการที่ปาปัวนิวกิเนีย มูลค่าประมาณ 6 พันล้านบาท รวม 2 โครงการ 1.2 หมื่นล้านบาท จะประมูลปลายปีนี้ ทั้งนี้มองว่ารายได้ในปี 53-54 จะดีขึ้นมากตามงานก่อสร้างที่มีมาก

"ปีนี้ดีต่อเนื่อง ราคาหุ้นถึงจะขึ้นไปแต่ก็ยังมี upside อยู่ ยังเล่นได้ทั้งปี เพราะมีงานประมูลเข้ามาทั้งปี"นายสมบัติ กล่าว

บทวิเคราะห์ บล.เกียรตินาคิน คาดผลประกอบการในไตรมาส 4/52 มีกำไรสุทธิเติบโตมากที่สุดของปี ที่ 89 ล้านบาท(+16%QoQ,+6%YoY) มาจากการรับรู้รายได้โครงการที่มีอัตรากำไรขั้นต้นที่ดีเช่นงาน Pluto LPG Plant Module

นอกจากนี้ มูลค่าโครงการหลักได้รับงานจากโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วงสัญญาที่ 2 รวมถึงงานอื่นที่อยู่ระหว่างรอเซ็นสัญญา เช่น งานศาลฎีกา 2.360 ล้านบาท งานท่อส่งน้ำจันทบุรี-ระยองมูลค่าโครงการ 1,225 ล้านบาท มูลค่าโดยรวม 17,240ล้านบาท ซึ่งจะทำให้มีงานในมือที่รอรับรู้รายได้ 22,574 ล้านบาท โดยมีงานที่รอรับรู้รายได้ เช่น งานโครงสร้างหลังคาวัดธรรมกาย

ในปี 53 มีเม็ดเงินจากภาครัฐและเอกชนกว่า 60,000 ล้านบาท โดยบริษัทคาดหวังความสำเร็จจากการประมูล ประมาณ 20,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 33% ของมูลค่าโดยรวมที่เข้าร่วมประมูล และช่วงปลายปี 53 มีงานภาคเอกชนที่น่าจับตา มองจากต่างประเทศ คือ งานต่อเนื่องของ Pluto LNG Plant Module และงานจากประเทศปาปัวนิวกินี

"แนะนำ ซื้อเก็งกำไร ด้วยความน่าสนใจจาก 1) ผลประกอบการที่เติบโตต่อเนื่องจากอัตรากำไรขั้นต้นที่เริ่มฟื้นตัว 2)มองปี 53 บริษัทมีปัจจัยบวกจากงานก่อสร้างที่เพิ่มขึ้น ทั้งจากงานภาครัฐ 3) เป็น 1 ในผู้รับเหมาที่เข้าร่วมประกวดรถไฟฟ้าสายสีน้ำเงินที่มีความต่อเนื่องจากสายสีม่วง และคาดผลประกอบการจะเติบโตโดดเด่นในช่วง 2H53"บทวิเคราะห์ ระบุ

เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ ศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ ข้อตกลงการใช้บริการ รับทราบ