ดัชนี FTSE 100 ตลาดหุ้นลอนดอนปิดร่วงลงกว่า 100 จุดเมื่อคืนนี้ (4 ก.พ.) เนื่องจากนักลงทุนวิตกกังวลเกี่ยวกับแนวโน้มเศรษฐกิจในอังกฤษและทั่วโลก หลังจากธนาคารกลางอังกฤษประกาศระงับโครงการอัดฉีดสภาพคล่องเข้าสู่ระบบการเงินผ่านโครงการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และหลังจากสหรัฐเปิดเผยจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ที่พุ่งขึ้นเกินคาด นอกจากนี้ ตลาดยังถูกกดดันจากปัญหาหนี้สาธารณะและยอดขาดดุลงบประมาณในประเทศยุโรป โดยเฉพาะกรีซ ดัชนี FTSE 100 ดิ่งลง 113.84 จุด หรือ 2.17% ปิดที่ 5,139.31 จุด หลังจากเคลื่อนตัวในช่วง 5,123.86-5,262.22 จุด
นักวิเคราะห์จากบริษัท Hargreaves Lansdown Plc ในลอนดอนกล่าวว่า ตลาดหุ้นลอนดอนดิ่งลงอย่างหนักเนื่องจากปัจจัยลบมากมาย รวมถึงความกังวลเรื่องปัญหาหนี้สินในยุโรป และจำนวนคนว่างงานรายสัปดาห์ที่เพิ่มขึ้นในสหรัฐ นอกจากนี้ ตลาดยังได้รับผลกระทบจากข่าวธนาคารกลางอังกฤษประกาศยกเลิกการอัดฉีดสภาพคล่องผ่านโครงการ QE
ธนาคารกลางอังกฤษประกาศตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับต่ำสุด 0.5% เป็นเดือนที่ 11 ติดต่อกัน ในการประชุมเมื่อวานนี้ พร้อมประกาศระงับโครงการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) มูลค่า 2 แสนล้านปอนด์ ซึ่งเป็นโครงการที่มีเป้าหมายเพื่อเสริมสภาพคล่องในระบบธนาคาร และกระตุ้นเศรษฐกิจให้รอดพ้นจากภาวะถดถอย ผ่านการจัดพิมพ์ธนบัตรใหม่เพื่อใช้ซื้อพันธบัตรรัฐบาลและหุ้นกู้เอกชน
ภาวะการซื้อขายในตลาดหุ้นลอนดอนซบเซายิ่งขึ้นเมื่อกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานครั้งแรกในรอบสัปดาห์ที่สิ้นสุดวันที่ 30 ม.ค.เพิ่มขึ้น 8,000 ราย แตะที่ 480,000 ราย สูงกว่าที่นักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดไว้ที่ 460,000 ราย
หุ้นเชลล์ดิ่งลง 2.3% แม้บริษัทเปิดเผยกำไรสุทธิ 1.96 พันล้านดอลลาร์ในช่วงไตรมาส 4 เทียบกับที่ขาดทุน 2.81 พันล้านดอลลาร์ในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อนหน้า ส่วนหุ้นโวดาโฟนปิดบวก 3.5% และหุ้นแกล็คโซสมิธไคลน์ปิดบวก 0.7% หลังจากบริษัทเปิดเผยรายได้สุทธิไตรมาส 4 มูลค่า 1.63 พันล้านปอนด์
หุ้นกลุ่มเหมืองแร่ร่วงลงหลังจากราคาโลหะพื้นฐานในตลาดโลกดิ่งลงอย่างหนักเพราะถูกกดดันจากสกุลเงินดอลลาร์ที่แข็งค่า โดยหุ้นอันโตฟากัสต้าปิดร่วง 7.9% หุ้นยูเรเซีย เนเชอรัล รีซอสเซส ปิดลบ 7.1% หุ้นคาซัคมิสปิดร่วง 9.5% และหุ้นเอ็กสตราต้าปิดร่วง 6%